ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

รัฐบาลส่งเสริมเทคโนโลยีดิจิทัลในระบบการศึกษา ยกระดับการเข้าถึงความรู้ของประชาชนทุกอาชีพ ตั้งเป้าสร้างผู้ประกอบการเกษตร วิสาหกิจชุมชน SMEs และ Startup ออนไลน์ 1 ล้านคนในปีนี้

วันที่ลงข่าว: 19/06/17

        รัฐบาลส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการจัดการศึกษาและการเรียนรู้ ช่วยสร้างโอกาสและความเท่าเทียมทางการเรียนรู้ให้กับประชาชนทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียน รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการบริหารจัดการงานด้านการศึกษาของหน่วยงานต่างๆ เช่น การติดตั้งอินเทอร์เน็ตโรงเรียนให้ครบทุกแห่ง โครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม การยกระดับภาษาอังกฤษผ่านแอพพลิเคชัน Echo English และการจัดตั้งศูนย์ดิจิทัลชุมชน เป็นต้น

“ขณะนี้รัฐบาลได้ติดตั้งใหม่และปรับปรุงเพิ่มความเร็วของอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษาในโรงเรียนครบทุกแห่งทั่วประเทศแล้วกว่า 43,000 แห่ง ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ได้สะดวกและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาเครือข่ายศูนย์ดิจิทัลชุมชนสำหรับให้บริการการศึกษาตามความต้องการของท้องถิ่น โดยติดตั้งอินเทอร์เน็ตใน กศน.ตำบลทั่วประเทศ จำนวน 7,424 แห่ง”

       ในช่วงที่ผ่านมาศูนย์ดิจิทัลชุมชนได้จัดทำหลักสูตรให้ความรู้ประชาชนที่สำคัญ 3 เรื่อง คือ 1. หลักสูตรเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 2. หลักสูตรการใช้มือถือสมาร์ทโฟน และ 3. หลักสูตรการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คเพื่อการพาณิชย์ มีผู้เข้าร่วมโครงการ 340,714 คน โดยในปีนี้กระทรวงศึกษาธิการได้ขยายความร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์เพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ SMEs และ Startup ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรหรือเปิดร้านค้าออนไลน์ได้ ตั้งเป้าหมาย 1 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปี 2559

      นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการยังได้จัดทำแอพลิเคชัน “กดดูรู้ที่เรียน” ที่ประกอบด้วย ข้อมูลการศึกษาขั้นพื้นฐาน ข้อมูลอาชีวศึกษา ข้อมูลอุดมศึกษา ข้อมูลหลักสูตรระยะสั้นและระยะยาว และข้อมูลแหล่งเรียนรู้ ซึ่งครอบคลุมทั้งแผนการรับนักเรียน ผลการทดสอบทางการศึกษา การแนะแนวอาชีพและการศึกษาต่อ รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการนำเสนอข้อมูลด้วยวิธีการอ่านออกเสียง (Text to Speech) เพื่อผู้พิการทางสายตา หรือผู้ที่ไม่สะดวกในการอ่าน และเชื่อมโยงข้อมูลสถานศึกษาจากระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการข้อมูลบนแอพลิเคชันแก่ประชาชนทุกกลุ่มวัย ทั้งนี้ ประชาชนสามารถดาวน์โหลดแอพลิเคชันดังกล่าวได้ที่ Apple App Store และ Google App Store

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก