ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

รายงานพิเศษ : ลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 ตอน1

วันที่ลงข่าว: 31/03/17

        ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา รายจ่ายด้านสวัสดิการของประเทศไทย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นงบประมาณแผ่นดินที่ใช้ไปสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท แต่เมื่อตั้งคำถามต่อไปว่าสามารถช่วยเหลือและเข้าถึงกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ ผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ได้กี่คน จะมีหน่วยงานไหนตอบคำถามนี้ได้ ซึ่งในอดีตทึ่ผ่านมา หน่วยงานคิดโครงการ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนกันตามนโยบายจากภาครัฐ เรื่องนี้ที เรื่องนั้นที ขาดความต่อเนื่องและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ทำให้โครงการช่วยเหลือที่ออกมาไม่ต่างจากการตำน้ำพริกละลายลงแม่น้ำ ด้วยข้อจำกัดเกี่ยวกับฐานข้อมูลรายได้และสินทรัพย์ของประชากร ทำให้รัฐบาลในอดีตไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนให้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้ และบ่อยครั้งที่กำหนดนโยบายแบบถ้วนหน้า ซึ่งเป็นที่มาของภาระรายจ่ายของงบประมาณที่สูงเกิดความจำเป็นและไม่เกิดประสิทธิภาพ ดังนั้น โครงการลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐจึงเกิดขึ้น เพื่อกลบจุดบอดและเสริมในสิ่งที่ขาดคือ ข้อมูลของประชาชน ที่เป็น กลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง

        นายพรชัย จีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงินสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อรัฐปี 2560 ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.-15 พ.ค.2560 นั้นได้กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียน คือ ต้องมีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ว่างงานหรือมีรายได้ที่เกิดขึ้นในปี 2559 ทั้งสิ้นไม่เกิน 1 แสนบาท/ไม่มีทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝากธนาคาร สลากออมสิน สลาก ธ.ก.ส. พันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ หรือถ้ามีต้องไม่เกิน 1 แสนบาท ต้องไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ดังนี้ ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง บ้านหรือทาวเฮ้าส์ต้องมีพื้นที่ ไม่เกิน 25 ตารางวา ห้องชุดต้องเป็นพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร กรณีเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่

        ด้วยข้อกำหนด ที่เพิ่มเติมเข้ามานั้นจะทำให้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 ได้ข้อมูลทางสถิติที่สมบูรณ์ ชัดเจน ซึ่งในรอบที่ผ่านมามีประชาชนมาลงทะเบียนกว่า 8 ล้านคน ผ่านการพิสูจน์สิทธิ์ 7,700,000 คน ซึ่งจากการประชาสัมพันธ์และเตรียมพร้อมของทุกหน่วยงานจึงคาดการณ์ได้ว่าจะมีประชาชนมาลงทะเบียนในครั้งนี้เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า หรือราว 14 ล้านคน และสิ่งที่ประชาชนจะต้องไม่ลืมในการนำมาลงทะเบียน คือบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งจะใช้ในการยืนยันตัวตนและตรวจสอบข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก

Fatal error: Call to undefined function drupal_get_path() in /usr/local/www/apache22/data/Braille-new/sites/all/modules/better_statistics/better_statistics.module on line 181