ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) มอบถุงยังชีพพระราชทานให้แก่พระภิกษุสงฆ์ ผู้สูงอายุและผู้พิการประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชุมพร

วันที่ลงข่าว: 06/02/17

      วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 08.30 น. ณ ที่ศาลากลางจังหวัดชุมพร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์ เดินทางมามอบถุงยังชีพพระราชทานให้แก่พระภิกษุสงฆ์ ราษฎร ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชุมพร โดยมีนายณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ,นางศิริลักษณ์ พลละเอียด นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดชุมพรให้การต้อนรับ

      นายอภัย จันทนกุลกะ รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ผู้แทนพระองค์ กล่าวว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ มีความห่วงใยราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากภัยในครั้งนี้เป็นอย่างมาก โดยท่านได้กำชับภายใน 45 วัน ให้ทางจังหวัดเร่งดำเนินการช่วยเหลือและฟื้นฟูราษฎรหลังสถานการณ์ให้เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ทั้งการช่วยเหลือสนับสนุนด้านการเกษตร ด้านปศุสัตว์ ส่วนความเสียหายด้านคมนาคม โดยเฉพาะคอสะพาน ให้แก้ไขและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการซ่อมแซมบูรณะใหม่ ว่าควรจะทำอย่างไร ไม่ให้เกิดปัญหาน้ำไหลหลากมากัดเซาะคอสะพานพัง เพราะเรื่องนี้มักจะเกิดซ้ำซากและเมื่อเกิดแล้ว สร้างความเดือดร้อนในการสัญจรของราษฎร

      จากนั้น นายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรและคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมและมอบถุงยังชีพพระราชทานแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้มีฐานะยากจนและประสบอุทกภัย ในเขตอำเภอเมืองชุมพร ตำบลทุ่งคา จำนวน 5 ครัวเรือน และตำบลขุนกระทิง จำนวน 5 ครัวเรือน อำเภอสวี ตำบลปากแพรก จำนวน 4 ครัวเรือน อำเภอทุ่งตะโก ตำบลช่องไม้แก้ว 3 ครัวเรือน อำเภอหลังสวน ตำบลนาขา จำนวน 3 ครัวเรือน และอำเภอละแม ตำบลสวนแตง อีกจำนวน 3 ครัวเรือน

สำหรับสถานการณ์การเกิดอุทกภัยในจังหวัดชุมพร เกิดอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลาก 30 ช่วง คือ ช่วงต้นเดือนธันวาคม 59 ช่วงต้นเดือนและกลางเดือนมกราคม 2560 ได้สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของราษฎร รวมทั้งทรัพย์สินทางราชการ จำนวน 8 อำเภอ 65 ตำบล 665 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต จำนวน 4 ราย ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 76,979 คน 26,224 ครัวเรือน บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 3,424 หลัง วัด 55 แห่ง ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ 24,189 ราย รวม 17,857 ไร่ ถนน 778 สาย คอสะพาน 36 แห่ง สะพาน 23 แห่ง ซึ่งขณะนี้จังหวัดได้เร่งช่วยเหลือฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาที่เกิดซ้ำซาก เป็น 3 ระยะ โดยเฉพาะถนนที่กีดขวางทางไหลของน้ำ ได้ให้ทางหน่วยสังกัดกระทรวงคมนาคม สำรวจเพื่อทำท่อรอดถนนให้เพิ่มมากขึ้น และขยายขุดลอกคูคลองให้ลึกและใหญ่ขึ้นด้วย

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก