ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระบุเด็กเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า สืบทอดความเป็นชาติไทย

วันที่ลงข่าว: 16/01/17

     กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เชิญชวนร่วมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2560 ภายใต้แนวคิด “เด็กไทยหัวใจดิจิทัล ก้าวเดินตามคำพ่อสอน” ที่สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี กรุงเทพฯ

วันนี้ (14 ม.ค.2560) เวลา 08.30 น. ที่บริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2560 ภายใต้แนวคิด “เด็กไทยหัวใจดิจิทัล ก้าวเดินตามคำพ่อสอน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้พัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ เกิดความสนุกสนาน กล้าคิด กล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์เหมาะสมกับวัย รวมถึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กได้ตระหนักและเห็นความสำคัญต่อการมีบทบาทและส่วนร่วมในการพัฒนาเด็ก โดยมีเด็กจากสถานสงเคราะห์และชุมชนบริเวณใกล้เคียงเข้าร่วมกิจกรรม ประมาณ 1,500 คน

     รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ด้วยรัฐบาลกำหนดให้วันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติ เพื่อให้ทุกภาคส่วนของสังคม ได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการพัฒนาเด็กให้เติบโตเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่ายิ่งของประเทศชาติในอนาคต และเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2560 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญให้แก่เด็กทุกคน คือ “เด็กไทยใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง” ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จึงได้จัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้เด็กได้รับโอกาสการพัฒนาทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม อารมณ์ และสติปัญญา ด้วยความพร้อมที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ โดยการมุ่งเน้นให้เด็กได้กล้าคิด กล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้อง โดยผ่านกิจกรรมที่จัดขึ้นในรูปแบบต่างๆ และเรียนรู้จากประสบการณ์ใหม่ๆ ตามความสามารถของตนเอง ซึ่งแนวคิดการจัดงานวันเด็ก ประจำปี 2560 คือ “เด็กไทยหัวใจดิจิทัล ก้าวเดินตามคำพ่อสอน” เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ และเตรียมความพร้อมประเทศไทยเข้าสู่ยุค “ไทยแลนด์ 4.0” รวมทั้งให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้ทรงพัฒนาที่ทรงคุณค่าทางการศึกษา โดยการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมควบคู่กับความสนุกสนานเพลิดเพลิน และการแสดงออกอย่างเหมาะสมตามวัย

     พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับงานในปีนี้ ได้กำหนดการจัดโซนกิจกรรมที่น่าสนใจ ดังนี้ 1) โซนนิทรรศการมีชีวิต “รัชกาลที่ 9 อยู่อย่างพอเพียงตามคำพ่อสอน” เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้พระราชกรณียกิจและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อปวงชนชาวไทย ได้แก่ 1.1) การถ่ายภาพ “คิดถึงพ่อ” 1.2) การเขียนคำมั่นสัญญาถึงพ่อนำขึ้นระบบออนไลน์ (Facebook) : เด็กไทยหัวใจดิจิทัล ก้าวเดินตามคำพ่อสอน 1.3) การชมภาพยนตร์ เรื่อง “คุณทองแดง” 1.4) การทำริบบิ้นสีดำถวายอาลัยฯ และ 1.5) จุดชมวีดิทัศน์พระอัจฉริยภาพต่างๆ ของรัชกาลที่ 9 2) โซนกิจกรรมสร้างสรรค์ของหน่วยงาน พม. ได้แก่ กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) การเคหะแห่งชาติ (กคช.) และสถานสงเคราะบ้านมหาเมฆ/บ้านมหาราช โดยมุ่งเน้นเพื่อให้เด็กได้แสดงออกผ่านการเล่น ควบคู่ไปกับการเรียนรู้อย่างสนุกสนาน เช่น เกมสร้างสรรค์ การวาดภาพ ระบายสี การตอบปัญหาชิงรางวัล ถ่ายภาพกับเหล่าตัวการ์ตูนหุ่นยนต์ การทำผ้าบาติก การตัดผม และบริการนวดฝ่าเท้า เป็นต้น 3) โซนการแสดงนวัตกรรมด้านเทคโลยีและสื่อดิจิทัล ได้แก่ 3.1) หุ่นยนต์ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และ 3.2) ผลงานของกลุ่มเด็กและเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2559 ได้แก่ โปรแกรมสื่อการเรียนรู้เรื่องอาเซียน : กลุ่มจตุรม่อล จากโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ และแว่นตาสำหรับผู้พิการ : กลุ่มวิชั่นเนียร์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 4) โซนกิจกรรมบนเวที เป็นชุดการแสดงของเด็กจากสถานสงเคราะห์ในสังกัด ดย. ได้แก่ 4.1) การแสดง King of King ต้นไม้ของพ่อ สายฝน รักพ่อไม่มีวันพอเพียง 4.2) วงปี่พาทย์มอญ และ 4.3) การแสดงจากภายนอก คือ การแสดงโขนเทิดพระเกียรติ การเต้นบีบอย และการร้องเพลงพระราชนิพนธ์ นอกจากนี้ ยังได้สนุกสนานกับชุดเครื่องเล่นกลางแจ้งต่างๆ นอกจากนี้ การจัดงานครั้งนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท LEXUS จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ และมูลนิธิพลังที่ยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้บริการเครื่องดื่มอเมซอน อีกด้วย

     “ทั้งนี้ ถือเป็นหน้าที่ของทุกคนในสังคม ครอบครัว และผู้ใหญ่ทุกคนต้องตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนของชาติ เพราะเด็กเหล่านี้ คือทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า ที่จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของสังคมและของประเทศชาติ รวมทั้งจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า สืบทอดความเป็นชาติไทยไว้ต่อไป”

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก