ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดกิจกรรมโครงการน้ำพระทัยพระราชทาน เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่จังหวัดสมุทรปราการ

วันที่ลงข่าว: 07/12/16

     สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดกิจกรรมโครงการน้ำพระทัยพระราชทาน เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่จังหวัดสมุทรปราการ

นายสยาม ศิริมงคล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ด้วยสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กำหนดโครงการน้ำพระทัยพระราชทาน เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 ในวันที่ 8 ธันวาคม 2559 เวลา 08.00 – 13.00 น. ณ บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ โดยมี นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวต้อนรับ และ พลตรีหญิง คุณหญิงอัสนีย์ เสาวภาพ ประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธี สำหรับกิจกรรมโครงการน้ำพระทัยพระราชทานเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 ภายในงานประกอบด้วย การมอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้เดือดร้อน การมอบอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการให้แก่คนพิการ (รถวีลแชร์) การมอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส การเลี้ยงอาหารกลางวันโครงการน้ำพระทัยพระราชทาน และเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุที่ด้อยโอกาสและเจ็บป่วยเรื้อรังในชุมชน

      นอกจากนี้ ยังให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป ตรวจคัดกรองความเสี่ยงสุขภาพ และแนะนำปัญหาเรื่องยา บริการแนะนำปัญหาด้านกฎหมาย ตรวจและออกใบรับรองความพิการ พร้อมออกบัตรประจำตัวคนพิการ รวมถึงการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน บริการจัดหางานเคลื่อนที่ บริการตัดผม และบริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับการแต่งกาย ข้าราชการ เครื่องแบบข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ชุดสุภาพสีดำ และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกผู้มาร่วมพิธีดังกล่าว จังหวัดสมุทรปราการได้จัดสถานที่จอดรถไว้ ดังนี้ 1. โรงเรียนนายเรือ 2. พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ 3. บริเวณหน้าหอชมเมืองสมุทรปราการ และ 4. วัดพิชัยสงคราม ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนทุกท่านและสื่อมวลชนร่วมกิจกรรมดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก