รมว.พม. ชื่นชมชายชราพิการสู้ชีวิตวัย 89 ปี มือด้วนทั้ง 2 ข้าง แขนลีบเล็ก แต่ทำงานรับจ้าง ปลูกพืชผักสวนครัวขาย หาเลี้ยงภรรยาแก่ชราวัย 64 ปี และส่งเสียลูก 4 คน เรียนหนังสือจนจบ และมีงานทำ ที่ จ.ตรัง พร้อมกำชับ จนท. เร่งช่วยเหลือครอบครัวผู้ด้อยโอกาสและประสบปัญหาทางสังคม ที่ จ.นครนายก และชลบุรี

        วันที่ 1 ธ.ค. 59 เวลา 08.30 น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) ครั้งที่ 529/2557-2559 เพื่อรับทราบปัญหาทางสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและการป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยมีผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุม

       พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีชายชราพิการสู้ชีวิตวัย 89 ปี ยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง พิการมือด้วนทั้ง 2 ข้าง ตั้งแต่กำเนิด แขนลีบเล็ก แต่สู้ชีวิตขยันหมั่นเพียรทำงานหาเลี้ยงภรรยาแก่ชราวัย 64 ปี โดยการปลูกพืชผักสวนครัว ไว้ขาย และรับจ้างทำงานทั่วไป อีกทั้ง ยังสามารถส่งเสียลูกทั้ง 4 คน เรียนหนังสือจนจบ และมีงานทำ ที่จังหวัดตรัง ตนขอชื่นชมในความขยันหมั่นเพียร มีมุมานะ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทางร่างกาย ถึงแม้จะพิการ รู้จักทำตนให้เป็นประโยชน์ ไม่เป็นภาระของครอบครัวและสังคม น่ายกย่องเป็นตัวอย่างที่ดีของคนพิการสู้ชีวิต ทั้งนี้ ตนยังได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตรัง (พมจ.ตรัง) และหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจด้านผู้สูงอายุและคนพิการของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีเด็กชายวัย 12 ปี ป่วยพิการทางสมอง แขน-ขาลีบ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีอาการหวาดกลัวคนแปลกหน้าด้านผู้เป็นแม่ต้องลาออกจากงานมาอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิด มีเพียงผู้เป็นสามีที่ต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว ครอบครัวมีฐานะยากจน ที่จังหวัดนครนายก ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครนายก (พมจ.นครนายก) และหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวดังกล่าว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจด้านเด็กและคนพิการของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น รวมทั้ง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ดูแลในเรื่องการรักษาพยาบาลอาการป่วยของเด็กชายอย่างต่อเนื่อง พร้อมร่วมกันหาแนวทางดูแลเรื่องสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวในระยะยาวต่อไป

พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากกรณีหญิงรายหนึ่ง พาหลานชายวัย 10 ขวบ เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จังหวัดชลบุรี ว่าหลานชายถูกชายรายหนึ่งที่ตามไปรับจ้างทำงานทาสีด้วยในวันหยุดเรียน ทุบตีทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ และบังคับกักขังให้ทำงานไม่ให้กลับบ้านจนดึก โดยให้ค่าจ้างเพียง 10-20 บาท เท่านั้น และยังข่มขู่หากมีการแจ้งความดำเนินคดี ทำให้เด็กชายเกิดความหวาดกลัวจนไม่กล้าไปโรงเรียน ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี (พมจ.ชลบุรี) และหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวดังกล่าวเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจด้านเด็กของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และดูแลในเรื่องการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กชาย การรักพยาบาลจากอาการบาดเจ็บ รวมทั้ง ดูแลในเรื่องการดำเนินคดีความกับผู้กระทำความผิดต่อไป