ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

นักกีฬาแบดมินตันวีลแชร์ เร่งฝึกซ้อมเตรียมไปคัดตัวเข้าแข่ง “ซีเกมส์” เพื่อประเทศชาติและพ่อหลวง

วันที่ลงข่าว: 29/11/16

        วันที่ 29 พ.ย. 59 ที่สนามแบดมินตัน เทศบาลนครยะลา นักกีฬาแบดมินตันวีลแชร์ ของชมรมกีฬาคนพิการจังหวัดยะลา โดยการนำของนางวัลภา ปินชัย ได้เดินทางมาฝึกซ้อม เพื่อเตรียมความพร้อมในการเดินทางไปคัดเลือกตัวที่การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีผู้ฝึกสอนจากชมรมแบตมินตัน เทศบาลนครยะลา คอยให้คำแนะนำเพื่อเพิ่มทักษะให้กับนักกีฬาแบดมินตัน วีลแชร์

        นางวัลภา ปินชัย นักกีฬาแบดมินตันวีลแชร์ กล่าวว่า การฝึกซ้อมในครั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกาย และเพิ่มทักษะในการเล่น สำหรับการไปคัดตัวซึ่งทางการกีฬาแห่งประเทศไทย จัดขึ้นในช่วงกลางเดือนธันวาคม ถ้าติดก็จะได้ไปแข่งขันซีเกมส์ที่ประเทศมาเลเซียในปีหน้า ที่ผ่านมาก็ได้แข่งขันกีฬาแบดมินตันวีลแชร์มาหลายครั้ง ทั้งที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งได้รับรับเหรียญทองแดง ปากเกร็ด ก็ได้รับเหรียญทอง ตั้งใจมากที่จะทำเพื่อประเทศชาติ และเพื่อพ่อหลวงของชาวไทย ตนเองจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

ขณะที่ นายดุลฮาเล็ม สาแลแม นักกีฬาแบดมินตันวีลแชร์ กล่าวว่า เล่นกีฬาแบดมินตันวีลแชร์มาร่วมสองปีแล้ว ที่ผ่านมาก็ได้ไปคัดตัวมาแล้ว แต่ไม่ติด ครั้งนี้ก็ได้มาฝึกซ้อมอีกครั้ง เพื่อจะไปคัดตัวใหม่ จะไปกับพี่ๆ 4-5 คน ตั้งใจมาก และจะทำให้ดีที่สุด

สำหรับนางวัลภา ปิ่นชัย เป็นนักกีฬาแบดมินตันวีลแชร์ หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากโครงการ "สานฝันฮีโร่ เพื่อผู้พิการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้" ซึ่ง ศอ.บต. ร่วมกับกองทัพบก สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย มูลนิธิ พาราลิมปิกแห่งประเทศไทย และมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ดำเนินการ เพื่อฟื้นฟูและส่งเสริมกำลังพลที่ทุพลภาพ จากปฏิบัติราชการสนามและผู้ที่ได้รับผลกระทบฯ โดยใช้ประโยชน์จากการกีฬา เพื่อส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ถึงระดับการแข่งขันตามศักยภาพ ความถนัด เข้าร่วมแข่งขันและทำกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ทางด้านกีฬาที่ตนมีความสนใจ ภายใต้การดูแลจากผู้ฝึกสอนกีฬาคนพิการประเภทต่างๆ

       ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้กับทหารและประชาชนที่บาดเจ็บและทุพลภาพได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ เพื่อให้สามารถกลับมาใช้รับใช้ชาติอีกครั้งในฐานะนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย อันจะนำโอกาสที่จะสามารถพัฒนาตนเอง และสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติในอนาคต

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก