ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ถึงแล้ว! ‘นักมวยเยาวชนแชมป์โลก’ ชวนพ่อพิการ-พี่ชาย วิ่งจากลพบุรี 200 กม. เข้าถวายพระบรมศพ

วันที่ลงข่าว: 18/11/16

        เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พระบรมมหาราชวัง มีนักวิ่ง 3 คน ติดธงชาติไทยผืนใหญ่ไว้ด้านหลังอย่างโดดเด่น นายสมนึก ชมภูพวง วัย 63 ปี พร้อมลูกชายอีก 2 คน ด.ช.อาทิตย์ ชมภูพวง วัย 14 ปีบุตรชายคนโต และด.ช.อัครชัย ชมภูพวง วัย 11 ปีบุตรชายคนเล็ก ให้สัมภาษณ์อย่างตื้นตันใจว่า ลูกชายตั้งใจว่าจะวิ่งเข้ามาเพื่อถวายสักการะพระบรมศพจากจ.ลพบุรี จากนั้นได้ชักชวนตนและพี่ชายให้วิ่งมาด้วย ตนก็ได้ออกวิ่งจากบ้านตั้งแต่เวลา 09.00 ของวันที่ 14 พฤศจิกายน รวมเป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ซึ่งระหว่างทางก็ได้แวะพักบ้างไม่กี่ชั่วโมง แล้วก็ออกวิ่งต่อจนมาถึงกองอำนวยการร่วมในรังสิต ประมาณเวลา 12.00 น.ของวันนี้

 

      “ผมคิดว่าอยากจะทำอะไรเพื่อพระองค์บ้าง บุตรชายเองก็เป็นอดีตนักมวยเหรียญทองจาก เวทีการแข่งขันมวยไทยเยาวชนชิงแชมป์โลก รุ่นอายุ 10-11 ปี เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีความตั้งใจที่นำเหรียญนี้เข้าทูลเกล้าฯถวายพระองค์ตั้งแต่ทรงมีพระชนมชีพ แต่พอพระองค์สวรรคตบุตรชายจึงไม่มีโอกาส อย่างไรก็ตาม วันนี้จะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเหรียญรางวัลนี้ทูลเกล้าฯถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9” นายสมนึกกล่าว

 

        ขณะที่ด.ช.อาทิตย์ เผยว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งตนและน้องเคยเดินทางมาแล้วครั้งหนึ่งกับ มนัส บุญจำนงค์ แต่ตอนนั้นยังไม่มีโอกาสเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ครั้งนี้จึงตั้งใจชักชวนพ่อมาด้วย ซึ่งพ่อพิการที่ขาและได้เดินมาด้วยไม้เท้า ระหว่างทางได้พักบ้างตามศาลาข้างทาง พร้อมติดธงชาติมาตลอดเพื่อระลึกถึงชาติไทย และเป็นการวิ่งเพื่อถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9

 

        “ผมไม่ได้รู้สึกเหนื่อย แต่จะปวดที่หัวเข่า และด้วยความตั้งใจที่วิ่งมาถึงพระบรมมหาราชวัง และนึงถึงว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงทำเพื่อคนไทยมายาวนาน จึงได้เดินทางมาถึงตามที่ตั้งใจ แม้จะไม่ได้มีโอกาสรับเสร็จ แต่ทราบจากพระราชกรณียกิจต่างๆ ว่าทรงทำเพื่อคนไทยมากมาย” ด.ช.อาทิตย์กล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ

 

        ขณะที่ ด.ช.อัครชัยกล่าวเพียงสั้นๆว่า อยากทดแทนบุญคุณในหลวง ร.9 ที่ทรงทำเพื่อคนไทยและราษฏรให้อยู่ดีกินดี โดยตนจะใช้ความเพียร ตามหลักทศพิธราชธรรมของพระองค์ ในการเล่นกีฬาต่อยมวย โดยมีฝันอยากเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

 

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2559
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก