ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เยี่ยมเด็กป่วยด้วยโรคเท้าโต เพื่อให้ความช่วยเหลือครอบครัว

วันที่ลงข่าว: 17/11/16

ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เยี่ยมเด็กชายจักรกฤษ ดอกสุข วัย 8 ขวบ ซึ่งป่วยด้วยโรคเท้าโต เพื่อให้ความช่วยเหลือครอบครัว ที่บ้านแม่จองไฟ ตำบลห้วยอ้อ อำเภอลอง

 

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังไหวัดแพร่รายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้(16 พ.ย.59) ที่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 2 ตำบลห้วยอ้อ อำเภอลอง จังหวัดแพร่ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมด้วยนายการัณย์ เกื้อวันชัย นายอำเภอลอง เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแพร่ เจ้าหน้าที่ของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดแพร่ กิ่งกาชาดอำเภอลองได้เยี่ยมและพบกับพ่อและแม่ของเด็กชายจักรกฤษ ดอกสุข อายุ 8 ขวบ ซึ่งป่วยด้วยโรคเท้าโตและเป็นโรคลมชัก มีความพิการด้านการเคลื่อนไหว

เด็กชายจักรกฤษ ดอกสุข ได้จดทะเบียนคนพิการ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2557 และได้รับเบี้ยยังชีพคนพิการ เดือนละ 800 บาท ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558 เป็นต้นมา อาศัยอยู่กับบิดา มารดา น้องชาย ปู่และย่า รวม 6 คน ครอบครัวมีฐานะยากจน รายได้ของครอบครัวมาจากนายพิชัย ดอกสุข ผู้เป็นบิดา ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปและทำไร่ข้าวโพด มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 4,000-5,000 บาท ส่วนมารดาไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเพราะต้องดูแลเด็กและน้องชาย โดยครอบครัวมีความต้องการเงิน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการพาเด็กไปรักษาที่โรงพยาบาลแพร่

นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่กล่าวว่า ในขณะนี้และที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานได้เข้ามาดูแลเด็กชายดังกล่าว รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาได้มอบเงินให้ความช่วยเหลือครอบครัวของน้องบ้างแล้ว แต่ในระยะยาวจะทำอย่างไรให้ครอบครัวนี้มีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่แม่อยู่บ้านดูแลลูก ให้มีรายได้ ลดรายจ่ายในครอบครัว โดยจะให้ทางอำเภอทำเล้าไก่และไก่พันธุ์ไข่ พร้อมอาหาร ให้มีไข่ไก่เก็บไว้รับประทาน หรือขายเพิ่มรายได้ นอกจากนี้ก็จะมีการส่งเสริมเลี้ยงหมูไปด้วย ส่วนการรักษาเด็กชายจักรกฤษ ก็ได้ประสานทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเข้ามาดูแล พร้อมประสานโรงพยาบาลแพร่ เพื่อบำบัดฟื้นฟูด้านการพัฒนาการและสติปัญญา ที่ถูกต้องและเหมาะสม โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่สนับสนุนรถยนต์รับส่งในการรักษาตัว

สำหรับเงินที่มีผู้บริจาคก็ได้ให้ผู้ปกครองนำมาใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค คือให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเด็กอย่างแท้จริง

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก