ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

กลุ่มพสกนิกรพิการลงนามถวายความอาลัย ซาบซึ้งทรงดูแลเอาใจใส่คนพิการ ให้โอกาสการศึกษา

วันที่ลงข่าว: 25/10/16

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศยังคงเดินทางมาร่วม สักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามในสมุดหลวงเพื่อถวายความอาลัย แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเปิดให้ประชาชนเข้ามาถวายสักการะเมื่อเวลา 08.00 น.โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้นำเอาโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่ มาถ่ายทอดบรรยากาศให้ประชาชนบริเวณโดยรอบได้ชม หน้าศาลาสหทัยสมาคมฯ

 

โดยสำหรับวันนี้ นายสมชาย เจริญอำนวยสุข อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นำคณะคนพิการ และผู้แทนองค์กรคนพิการทุกประเภท จำนวน 50 คน ร่วมลงนามถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วย

 

นายวิทยุต บุนนาค นายกสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย ผู้พิการหูหนวกมาตั้งแต่กำเนิด ผู้ได้รับพระราชทุนการศึกษาจากมูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ในระดับปริญญาตรีจากคณะเพอฟอร์แมนซ์ แอนด์ โปรดักชั่น และปริญญาโทโดยได้รับทุนจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ศึกษาในคณะการศึกษาเพื่อคนหูหนวก จากประเทศสหรัฐอเมริกา เผยว่า เนื่องด้วยคุณแม่เป็นคุณข้าหลวงในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ตัวเองจึงได้วิ่งเข้าออกและเห็นพระองค์ท่านทรงงานมาตั้งแต่ยังเล็ก ทุกครั้งที่กลับจากโรงเรียนโสตศึกษา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ ทุกวันศุกร์เวลากลับไปหาแม่จะเจอพระองค์ โดยทรงมีรับสั่งถามว่าสบายดีหรือไม่ ก็ตอบด้วยภาษามือควบคู่กับการพูดว่าสบายดีครับ แต่คุณแม่จะบอกทุกครั้งว่าพูดครับไม่ได้ ต้องพูดลงท้ายว่าพระพุทธเจ้าข้า แต่พระองค์ทรงมีรับสั่งว่าไม่เป็นไร พูดได้ขนาดนี้ก็ดีแล้ว และทรงยิ้ม ทำให้รู้สึกได้ว่าพระองค์ท่านทรงมองเห็นพวกเราเป็นคนระดับชั้นเดียวกันกับคนอื่นในสังคม โดยเคยมีรับสั่งว่าเป็นเพราะด้วยสิ่งแวดล้อมที่ทำให้พวกเราพิการ ผมรักท่านด้วยใจ ท่านทรงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และไม่ถือพระองค์ จากที่เห็นพระองค์ทรงงานหนักมาตลอด ในฐานะเราคนไทยก็ควรทำประโยชน์ตอบแทนประเทศชาติบ้านเมืองเช่นกัน

 

นายบุญยาม เสาจันทร์ เลขาธิการมูลนิธิคนพิการไทย พิการขาลีบเนื่องจากเป็นโรคโปลิโอมาแต่กำเนิด กล่าวว่า สำหรับตนมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องจากพระองค์คอยดูแลเอาใจใส่คนพิการไม่ว่าจะอยู่ต่างจังหวัดหรือชายขอบท่านก็ยังไม่เคยทอดทิ้ง และยังให้โอกาสทางการศึกษา ทำให้คนพิการมีงานทำช่วยเหลือตัวเองได้ และมีศักยภาพทางสังคมได้มีโอกาสแสดงความสามารถไปสู้ระดับโลกทั้งด้านกีฬาและทักษะต่าง ๆ ทั้งนี้ หลังวันที่ 28 ตุลาคมนี้ทางมูลนิธิจะพาผู้พิการจังหวัดละ 30 คน เดินทางมาเข้าถวายความอาลัย ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

 

ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ อายุ 64 ปี อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้พิการตาบอด กล่าวว่า ผมทดลองวิทยาศาสตร์จนเกิดอุบัติเหตุตาบอดทั้งสองข้าง เมื่อปี พ.ศ.2510 แต่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์พระราชทานเลี้ยงคนตาบอดทุกวันปีใหม่ ในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ทุกปีทรงมีอุปกรณ์สำหรับคนตาบอด เช่น นาฬิกาที่มีอักษรเบลของคนตาบอด มาให้พวกเราจับฉลากปีละ 10 เรือน ตัวเองยังเคยได้หนึ่งเรือนเก็บรักษาเป็นอย่างดี แต่โดนขโมยไป หากใครจับไม่ได้นาฬิกาก็มีข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ แตกต่างกันไปแต่ได้ครบทุกคน ระหว่างงานเลี้ยงทรงเคยเป่าแซกโซโฟนให้พวกเราฟัง โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงนุศานุวงศ์ทุกพระองค์ พระราชทานอาหารให้พวกเราโดยพระองค์เอง ยังความซาบซึ้งและยินดีแก่พวกเรามากที่พระองค์ไม่ถือพระองค์เลย จำได้ว่าพวกเรากินกันอย่างเอร็ดอร่อย จนนางสนองพระโอษฐ์พูดหยอกเย้าว่า “กลุ่มนี้วางแล้วหาย วางแล้วหาย”

 

“ในฐานะคนพิการเราไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า เพราะคำตรัสของพระองค์เมื่อปี 2517 ว่า ต้องช่วยเหลือคนพิการให้ช่วยเหลือตัวเองได้ ผมจึงรณรงค์ให้คนพิการมีการศึกษาเพื่อประกอบสัมมาอาชีพได้ โดยไม่เป็นภาระของครอบครัว เช่น เพาะเห็ดนางฟ้าภูฏาน นอกจากหารายได้จากตรงนี้ได้แล้วยังช่วยบริหารระบบของกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และสร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเอง ตลอดเวลายามท้อแท้หรือหมดกำลังใจจะยึดเพลงยิ้มสู้ เพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาเป็นพลังในการดำเนินชีวิต ซึ่งเชื่อมั่นว่ารอยยิ้มของพวกเราสามารถสร้างกำลังใจให้คนอื่นๆ ได้” ศ.วิริยะ กล่าว

 

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์ มติชนออนไลน์ วันที่ 19 ตุลาคม 2559
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก