คณะนักกีฬาพาราลิมปิก ชุดแรกกลับถึงเมืองไทยแล้ว หลังจากสร้างผลงานที่แสนยอดเยี่ยม ในการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ ที่นครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ได้ 6 ทอง 6 เงิน 6 ทองแดง โดยคณะนักกีฬาชุดแรกได้แก่ บอคเซีย 2 ทอง 1 เงิน 2 ทองแดง และ เทเบิลเทนนิส 2 ทองแดง, ว่ายน้ำ และยิงปืน โดยมี จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย มาต้อนรับ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ร่วมด้วย พร้อมด้วย พันโท รุจ แสงอุดม รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย   

สำหรับนักกีฬา มีดังนี้ บอคเซีย นำโดย วัชรพล วงษา, พัทธยา เทศทอง, วรวุฒิ แสงอำภา, พรโชค ลาภเย็น ,เฉลิมพล ตันบุตร, สุบิน ทิพย์มะณี และ นวลจันทร์ พลศิล ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมคว้า 2 เหรียญทอง 1 เงิน 2 ทองแดง พร้อมด้วย เทเบิลเทนนิส ที่คว้า 2 เหรียญทองแดง นำโดย รุ่งโรจน์ ไทยนิยม ,อนุรักษ์ ลาววงษ์ ,วันชัย ชัยวุฒิ , ยุทธจักร กลิ่นบานชื่น , ชลชิตพยัค บุตรวรรณสิริณา, ดารารัตน์ อาสายุทธ, วิจิตรา ใจอ่อน,  ยิงปืน บดินทร์ ศรศรีวิชัย , สมพร ม่วงศิริ,อดิเดช อินทนนท์ , ชุติมา แสนหล้า ,ฉัตรชัย เสนาจันทร์ และ ว่ายน้ำ ที่มี สมชาย ดวงแก้ว และ อัญชญา เกตุแก้ว 

  ด้าน นายจุตินันท์ เปิดเผยว่า  จากผลงานการคว้า 6 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน และ 6 เหรียญทองแดง ถือเป็นผลงานที่เกินเป้าหมายที่เราวางไว้ นับเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทัพพาราลิมปิกไทย แต่ที่น่าดีใจมากกว่าผลงาน 6 เหรียญทองคือผลงานของนักกีฬาดาวรุ่ง อย่าง พงศกร แปยอ ที่คว้าเหรียญรางวัลมาครองได้คนเดียวถึง 4 เหรียญ แบ่ง 2 ทอง 2 เงิน เป็นนักกีฬาตนเองรู้สึกเซอร์ไพร์มากเพราะก่อนเดินทางไปบราซิลเราหวังเพียงแค่ให้เข้าไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์เท่านั้น

  "สำหรับเรื่องกองทุนพัฒนากีฬาเราผลักดันเรียกร้องให้คนพิการมาตลอด ซึ่งเกณฑ์การแจกรางวัลยังไม่เท่ากับคนปกติ มันทีโอกาสปรับให้เท่ากัน เพราะแต่ละชนิดกีฬากว่าจะผ่านไปจนถึงได้เหรียญก็ผ่านการแข่งขันหลายรอบ ความยากง่ายก็เท่ากันๆ บางชนิดกีฬา อย่าง ผลัด 4x100 เราก็ทำผลงานได้ดีกว่านักกีฬาปกติ ซึ่งพล.อ. ธนศักดิ์ ปฏิมากร รองนายกรัฐมนตรี ก็เปิดโอกาสให้เราได้เสนอเรื่องแล้ว ส่วนการสนับสนุนของภาคเอกชนก็เป็นเรื่องที่ดีที่เข้ามาเยอะ แต่ไม่อยากให้มองเฉพาะตอนได้เหรียญ อยากให้มองระยะยาวมากกว่า เพราะก่อนจะผ่านมาถึงตรงนี้นักกีฬาต้องเตรียมตัวฝึกซ้อม เดินทางไปแข่งขันรายการต่างๆเพื่อควอลิฟาย ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้มันสูงมาก"

"เป้าหมายต่อไปของทัพพาราลิมปิก เราจะกลับมาพัฒนานักกีฬากันต่อไป ถึงแม้ว่าในครั้งนี้จะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่คงต้องกับมาพัฒนานักกีฬากันต่อ โดยเฉพาะการพัฒนานักกีฬาดาวรุ่งให้มากขึ้นเพื่อเป้าหมายในพาราลิมปิกเกมส์อีก 4 ปีข้างหน้า  ที่ญี่ปุ่น เพราะในอีก 4 ข้างหน้า เราต้องรักษามาตรฐานนี้ไว้ให้ได้ ซึ่งคงต้องกลับไปหารือกับคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย เพื่อหาแนวทางอย่างไรต่อไป ซึ่งเรื่องสำคัญคือการพัฒนานักกีฬาดาวรุ่งขึ้นมาให้ทันเวลา เพราะจากนี้ไปเรามีเวลาแค่ 2 ปีเท่านั้น เพื่อหานักกีฬาดาวรุ่ง เนื่องจาก 2 ปีหลังนั้น นักกีฬาเราต้องเดินทางเพื่อไปแข่งขันเก็บคะแนนสะสมควอลิฟายไปพาราลิมปิก 2020 แล้ว จากนี้ไปเราคงเดินหน้าพัฒนานักกีฬาคนพิการไทยกันอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง"

   "ส่วนเรื่องเงินอัดฉีดจากภาคเอกชนตอนนี้ยังไม่มีติดต่อเข้ามา แต่ทาง สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จะมีเงินรางวัลพิเศษมอบให้อย่างแน่นอน แต่ต้องรองานเลี้ยงต้อนรับและฉลองความสำเร็จให้กับ "ทัพนักกีฬาฮีโร่พาราลิมปิกเกมส์ 2016" ในทันทีนักกีฬาทั้งหมดเดินทางมาถึงเมืองไทย โดยกำหนดงานจะขึ้นในวันที่ 22 ก.ย. ที่หอประชุมใหญ่ บุญรอดบริเวอรี่ ในเวลา 18.00 น. เป็นต้นไป และรัฐบาลกำลังกำหนดวันในการจัดงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จเพื่อมอบเงินให้นักกีฬาอยู่"  

    ด้าน รุ่งโรจน์ ไทยนิยม ที่ได้ 1 เหรียญทองแดง เทเบิลเทนนิส เปิดเผยว่า "ส่วนตัวรู้ดีใจที่มีคนมาให้กำลังใจคับคั่งขนาดนี้ ส่วนเรื่องเงินอัดฉีดที่มีหลายคนอยากเรียกร้องให้ได้เท่านักกีฬาโอลิมปิกนั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ถ้าจะจัดการให้ แต่เข้าใจว้าขั้นตอนต่างๆ คงยาก ก็รู้สึกพอใจกับเงินรางวัลที่ได้รับตอนนี้ แค่มีคนไทยคอยเชียร์เราก็ภูมิใจมากแล้ว"  

  วัชรพล วงษา นักกีฬาบอคเซีย ฮีโร่ 2 เหรียญทอง ในประเภททีมผสม บีซี1-2 และ บุคคลบีซี 2 เปิดเผยถึงว่าความรู้สึกว่า การคว้า 2 เหรียญทองในพาราลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ ตนรู้สึกดีใจมากแต่ก็เหนื่อยมากเช่นกันในช่วงแข่งขัน พอมาถึงเมืองไทยต้องบอกว่ารู้สึกหายเหนื่อยและต้องขอบคุณทุกกำลังใจของคนไทยที่มีมาให้การต้อนรับพวกเราในครั้งนี้และเชียร์พวกเราตลอดการแข่งขัน  

  "ส่วนเงินรางวัลที่ได้รับนั้นตนเองคงมอบให้ครอบครัว และส่วนหนึ่งคงเอาไปสร้างศูนย์ฝึกบอคเซียที่จังหวัดเลยเพื่อให้คนที่อยากฝึกเล่นกีฬาบอคเซีย ส่วนเป้าหมายต่อไปในอนาคตต้องคงเดินหน้าฝึกซ้อมต่อไปเพื่อกลับไปป้องกันแชมปในอีก 4 ข้างหน้า และทำผลงานในการแข่งขันรายการต่างๆ ออกมาให้ดีที่สุดต่อไป"

    สรุปยอดเงินอัดฉีดที่กองทุนฯ จะต้องจ่ายให้กับนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2016 ของไทยนั้น แบ่งเป็น 2 แนวทาง คือ ทางเลือกแรก รับเงินสดก้อนเดียว 100 เปอร์เซ็นต์ เหรียญทอง 6 ล้านบาท เหรียญเงิน 4 ล้านบาท เหรียญทองแดง 2.5 ล้านบาท โดยแนวทางนี้สรุปนักกีฬาจะรับเงิน 120,500,000 บาท ผู้ฝึกสอนรับ 24,100,000 บาท และสมาคมกีฬาฯ รับ 12,000,000 บาท รวมทั้งสิ้น 156,600,000 บาท ส่วนแนวทางที่สอง รับเงินสดก้อนแรก 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์ แบ่งจ่ายรายเดือนภายในเวลา 4 ปี จะได้รับเหรียญทอง 7.2 ล้านบาท เหรียญเงิน 4.8 ล้านบาท เหรียญทองแดง 3 ล้านบาท แนวทางนี้จะมียอดเงินในส่วนนักกีฬา 144,600,000 บาท ผู้ฝึกสอน 24,100,000 บาท สมาคมกีฬาฯ 12,000,000 บาท รวมทั้งสิ้น 180,700,000 บาท