ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

“สายสุนีย์” นำทัพไทยเชิญธงไตรรงค์ขึ้นยอดเสา

วันที่ลงข่าว: 05/09/16

ความเคลื่อนไหวทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ทั้ง 45 คนที่เดินทางเข้าร่วมการแข่งขันกีฬา “พาราลิมปิก เกมส์ 2016” ที่ กรุงรีโอ เดอจาเนโร ประเทศบราซิล ซึ่งจะมีการชิงชัยในระหว่างวันที่ 7-18 ก.ย.59 

 

 

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 3 ก.ย ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) หรือเช้าวันที่ 4 ก.ย.59 ตามเวลาไทย พล.ต.โอสถ ภาวิไล เลขาธิการคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยทัพนักกีฬาพิการทีมชาติไทย นำโดย สายสุนีย์ จ๊ะนะ, หาญฤชัย เนตรศิริ, สายชล คนเจน, ประวัติ วะโฮรัมย์ ฯลฯ ร่วมพิธีเชิญธงไตรรงค์ขึ้นสู่ยอดเสาในหมู่บ้านนักกีฬาของการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2016 ประเทศบราซิล ซึ่งก็ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะมีพิธีเชิญธงชาติไทย ขึ้นสู่ยอดเสาที่หมู่บ้านนักกีฬาและเหล่านักกีฬาคนพิการทีมชาติไทยได้ร่วมกันร้องเพลงชาติไทยอย่างกึกก้อง

 

 

ขณะเดียวกันทัพนักกีฬาไทย ยังเดินเครื่องฝึกซ้อมเพื่อเตรียมความพร้อมกันต่อเนื่อง โดยในกีฬาเทเบิลเทนนิส “รุ่งโรจน์ ไทยนิยม” นักตบลูกเด้งตัวความหวัง ดีกรีเหรียญทอง พาราลิมปิกเกมส์ 2012 เปิดเผยว่า ตลอด 3 วันที่ผ่านมานั้นตั้งแต่เดินทามาถึงต้องบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาในการปรับตัวเพราะเวลาบราซิลค่อนข้างจากประเทศไทยค่อนข้างมากทำให้ตนและเพื่อนในทีมทุกคนพยายามที่ปรับตัวให้เข้าเวลาที่นี่ให้ได้เร็วที่สุด และมาถึงตอนนี้ก็เริ่มปรับตัวได้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามตนคิดว่าอีกวันหรือวันเราน่าจะปรับให้เข้าเวลาได้แบบสมบูรณ์ จะเริ่มฝึกซ้อมกันได้อย่างเต็มที่เช่นกัน

 

 

“ในเวลานี้ทางโค้ชได้ให้เราทุกคนฝึกซ้อมเพื่อเรียกความฟิตกลับมา โดยเน้นเรื่องทักษะในการตีลูกเป็นหลักเพื่อเสริมเบสิกในดีขึ้นทำให้เวลานี้ถือความฟิตของตนและเพื่อร่วมทีมหลายคนเริ่มกลับมาคงที่แล้วทำให้คิดว่าก่อนที่จะถึงวันแข่งขันพวกเราจะพร้อมอย่างเต็มที่อย่างแน่นอน และยังใจว่าจะทำผลงานออกมาได้ดีเช่นกัน และฝากถึงพี่น้องชายไทยช่วยเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วย”

 

 

ด้านทีมวีลแชร์เรซซิ่งอีกหนึ่งกีฬาความหวังทองทัพไทย อาจารย์ สุพรต เพ็งพุ่ม หัวหน้าฝึกสอนทีมชาติไทย เปิดเผยว่า เวลานี้นักกีฬาของเรายังไม่สามารถเข้าไปฝึกซ้อมในสนามแข่งขันจริงได้ เนื่องจากทางฝ่ายจัดฯ ยังไม่อนุญาต ทำให้เวลานี้ทำได้เพียงแค่ซ้อมอยู่สนามฝึกซ้อมด้านนอกเท่านั้น ส่งผลให้เรายังไม่รู้ว่าสภาพพื้นสนามเป็นอย่างไร แต่ตนเองยังเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะสนามแข่งระดับโอลิมปิกเกมส์น่าจะมีมาตรฐานไม่ต่างจากในรายการชิงแชมป์โลกที่เราเคยไปไปแข่งขันมาเท่าไหร่

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก