ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

'ดาว์พงษ์'สั่งรื้อระบบคัดกรองเด็กพิการ

วันที่ลงข่าว: 01/09/16

ศึกษาธิการ * ดาว์พงษ์สั่งรื้อระบบคัดกรองเด็กพิการใหม่  ชี้ระบบเดิมใช้มานาน 10 ปี ไม่อัพเดต ระบุ สธ.พม.-มท. ต้องมีส่วนร่วมสแกนข้อมูล เพื่อจะได้จัดงบรายหัวอุดหนุนที่ถูกต้อง

 

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการการศึกษาคนพิการว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบการออกแบบระบบคัดกรองของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เนื่องจากความพิการมีความหลากหลาย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องสร้างระบบคัดกรองความพิการของเด็กให้มีคุณภาพ โดยเริ่มจากครอบครัว ไม่ใช่จะรอพึ่งความช่วยเหลือจากแพทย์เพียงอย่างเดียว อีกทั้งที่ผ่านมาระบบคัดกรองที่มีอยู่ใช้มาประมาณ 10 ปีแล้ว ดังนั้น ตนจึงต้องการรวบรวมระบบคัดกรองเหล่านี้ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

 

"แนวคิดของผมเรื่องระบบคัดกรองความพิการต้องเริ่มต้นจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพราะเป็นหน่วยงานที่ทราบคุณลักษณะความพิการของเด็ก จากนั้นจะให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ (พม.) และกระทรวงมหาดไทย (มท.) ในการสแกนข้อมูลเด็กพิการในพื้นที่ เพื่อส่งไม้ต่อในการเข้าสู่ระบบการศึกษามายัง ศธ. เพื่อนำเด็กเหล่านี้เข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างทั่วถึง เพราะ ศธ.มีบุคลากรในการดูแลเด็กพิการ เนื่องจากขณะนี้ได้จัดทำหลักสูตรอบรมครูผู้สอนเด็กพิการเสร็จเรียบร้อยแล้ว รวมถึงจะจัดทำแอปพลิเคชันสำหรับผู้ปกครอง เพื่อให้ดูแลเด็กพิการอย่างถูกต้องด้วย" รมว.ศธ. กล่าว

 

พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงการสนับสนุนเด็กพิการเรียนร่วมที่มีอยู่ประมาณ 300,000 คน โดยให้ถอดความต้องการงบอุดหนุนรายหัวสำหรับเด็กกลุ่มนี้ให้มีความชัดเจนว่าแต่ละโรงเรียนที่มีการเรียนร่วมจะต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ซึ่งคณะทำงานเรื่องเด็กพิการจะต้องแจกแจงความต้องการ ไม่ใช่พูดถึงแต่ตัวเลข เพราะตนต้องการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวให้กับเด็กกลุ่มนี้

 

ขณะเดียวกันจะประสานไปยัง พม.ในการนำเงินกองทุนคนพิการของ พม.มาช่วยสนับสนุนเด็กพิการตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเข้าเรียน เช่น โรงเรียนมีความประสงค์จะสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่เด็กพิการ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ตนได้ย้ำในที่ประชุมด้วยว่า การดูแลเด็กพิการตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเข้าเรียนต้องเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของ ศธ.หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมมีข้อสรุปและเห็นตรงกันว่าการดูแลดังกล่าวต้องเป็นความร่วมมือทั้ง 4 หน่วยงาน คือ สธ. พม. มท. และ ศธ.

 

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ออนไลน์ วันที่ 1 กันยายน 2559
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก