ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย ชูยาหอมไทยเผย 4 สูตรสรรพคุณเก๋ ควรมีไว้ติดบ้าน

วันที่ลงข่าว: 22/08/16

ในปัจจุบันความต้องการในการนำพืชสมุนไพรไทยมาใช้รักษาโรคนั้นมีมากขึ้น เนื่องจากเป็นการแพทย์ทางเลือกที่เป็นภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าของไทยมาแต่โบราณ ซึ่งรัฐบาลได้สนับสนุนให้มีการใช้อย่างแพร่หลายในโรงพยาบาลทั่วประเทศ และเห็นผลสัมฤทธิ์ของพืชสมุนไพร ทั้งนี้ประเทศไทยอซึ่งอยู่ในเขตร้อนที่อุดมไปด้วยพรรณพืชที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพืชสมุนไพร ดังนั้น การยกระดับการผลิตยาสมุนไพรตามมาตรฐานสากล รวมทั้งพัฒนาบุคลากรสำหรับงานการผลิตยาจากสมุนไพรให้มีคุณภาพ และพัฒนางานต้นแบบการผลิตยาสมุนไพรจึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องให้การสนับสนุน เพื่อให้อุตสาหกรรมยาสมุนไพรได้พัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์ยาแผนไทยให้ได้มาตรฐานสากล และสามารถเข้าสู่ตลาดอาเซียนได้

 

น.พ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้คัดเลือกรายการยาสมุนไพรที่มีความจำเป็นในการบำบัดอาการเจ็บป่วยขั้นพื้นฐาน อาทิ แก้ปวดศีรษะ ไอ จุกเสียด ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เพราะร้อยละ 70 ของโรคพื้นฐานหายได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง เพียงแค่พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่ต้องพึ่งยาต่างประเทศ ที่คนเชื่อว่าเป็นยาครอบจักรวาล แต่จริงๆ แล้วการใช้ยาฟุ่มเฟือยทำให้เกิดการดื้อยาตามมา

           

“สิ่งแรกที่อยากแนะนำให้พกติดบ้านติดตัวได้แก่ ตำรับยาหอม ซึ่งถือว่าเป็นยาสามัญประจำชาติไทย ยาดม บาล์มสมุนไพร ที่นิยมใช้และแนะนำให้พกติดไว้ใช้ใกล้ตัว ส่วนยาหอมที่แนะนำคือยาหอมเทพจิตร ยาหอมทิพโอสถ ยาหอมอินทจักร และยาหอมนวโกฐ ซึ่งหากมีอาการผิดปกติทั่วไปเบื้องต้น ก็สามารถใช้ยาสมุนไพรดูแลอาการได้ จึงอยากแนะนำยาสมุนไพรที่หาง่ายใช้สะดวก ให้มีไว้ใช้พกติดตัว”

 

อธิบดีกล่าวต่อในตอนท้ายว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่นจากอากาศร้อนจัด ควรมียาหอม พกติดตัว เลือกใช้ยาหอมโดยสอบถามรายละเอียดจากร้านขายยาทั่วประเทศ ที่สำคัญยาหอมสมัยใหม่มีการประยุกต์ให้รับประทานได้ง่ายขึ้น โดยผลิตแบบอัดเม็ด สามารถอมและเคี้ยว สร้างความสดชื่น กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตได้ดี ปรับสมดุลร่างกายให้พอดีไม่ร้อนไม่เย็นจนเกินไปด้วยสูตรยาพื้นฐานที่มีกลิ่นหอม รสสุขุม ทั้งนี้ยาหอมนั้นมีกว่า 300 ตำรับ แต่ที่มีและใช้เป็นยาสามัญประจำบ้านและบรรจุในบัญชียาแห่งชาติจำนวน 4 ตำรับ ได้แก่ ยาหอมเทพจิตร ยาหอมทิพโอสถ ใช้บำรุงหัวใจ แก้ลมวิงเวียน ยาหอมอินทจักร ยาหอมนวโกฐ ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน โดยยาหอมทั้ง 4 ตำรับมีส่วนผสมของสมุนไพรไม่ต่ำกว่า 48 ชนิด และยาหอมนั้นสามารถใช้ได้ทุกรุ่นทุกวัยไม่เฉพาะแค่ผู้สูงวัย จึงอยากแนะนำให้มีพกติดตัวไว้ใช้บรรเทาอาการดังกล่าว เพราะสมุนไพรและยาตำรับไทยนั้นมีดีมากมายที่คนไทยไม่ควรมองข้าม

         

ทางด้าน รศ.รุ่งระวี เติมศิริฤกษ์กุล อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในงานเสวนาการแพทย์แผนไทย เรื่อง “อนาคตยาหอมไทยสู่อาเซียน” ว่า หลายคนอาจมองว่ายาหอมเป็นยาสำหรับอาการวิงเวียน หน้ามืด เป็นลม และสำหรับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วยาหอมใช้ได้กับทุกคนทุกเพศทุกวัย ด้วยยาหอมนั้นจะช่วยส่งเสริมการทำงานของธาตุทั้ง 4 โดยเฉพาะธาตุลม เพราะหากธาตุลมปกติ ก็จะทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติสมดุลตามไปด้วย แต่หากลมนั้นผิดปกติไป เช่น มีการกำเริบ หย่อน หรือพิการ ก็ส่งผลกระทบทำให้ร่างกายเสียสมดุล และทำงานผิดปกติตามไปด้วย ซึ่งในกรณีลมผิดปกติดังกล่าว ยาหอม คือ ยารสสุขุม กลิ่นหอม ที่บรรพชนแพทย์แผนไทยศึกษา ค้นคว้า รวบรวมไว้เป็นตำรับสืบทอดมายาวนาน ซึ่งปรุงขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับสมดุลของธาตุลมให้เป็นปกติ ช่วยปรับสมดุลธาตุในร่างกาย คือ ธาตุลมและธาตุไฟ ให้เดินได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ติดขัด เปรียบเสมือนตัวหล่อลื่นให้เครื่องยนต์ทำงานได้สะดวก โดยสรรพคุณของยาหอมสามารถนำมาใช้ปรับสมดุลธาตุ บำรุงครรภ์ แก้ไข้ บำรุงร่างกาย บำรุงโลหิตประจำเดือน ช่วยปรับอารมณ์ และช่วยทำให้นอนหลับด้วย จึงเหมาะสำหรับกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานด้วย ที่สำคัญเมื่อค้นคว้าลงลึกในระดับประวัติศาสตร์การแพทย์ พบว่า ยาหอมเป็นเอกลักษณ์การปรุงยา ที่ปรับปรุงขึ้นตามแบบแพทย์แผนไทย ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยไม่พบการใช้ยาหอมในแพทย์แผนอื่น หรือจากชนชาติอื่น

         

ทั้งนี้ ยาหอม 4 ชนิด ที่ควรมีประจำบ้านนั้น คือ 1.ยาหอมนวโกฐ ช่วยป้องกันพิษไข้และช่วยร่างกายฟื้นตัวจากการป่วยไข้เร็วขึ้น โดยเมื่อเริ่มมีอาการต้นของไข้ คือ ครั่นเนื้อครั่นตัว รุมๆ หากรับประทานยาหอมนวโกฐภายใน 24 ชั่วโมง ก็จะช่วยป้องกันได้ หรือรับประทานหลังจากหายไข้ก็จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ทำให้ประหยัดสุขภาพ ไม่ต้องป่วย ประหยัดค่ายาและลดการใช้ยา ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลนาน หรือใช้วันลามาก เหมาะสำหรับคนทำงานเป็นอย่างมาก 2.ยาหอมเทพจิตร เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่มักชอบมีอาการสวิงสวาย หงุดหงิด โมโหง่าย ซึม ก็จะช่วยปรับอารมณ์ให้กลับมาเบิกบานได้ ก่อนที่อารมณ์จะตกลงไปถึงขั้นทำให้ร่างกายเป็นโรค หรือถึงขั้นซึมเศร้า เช่น บางคนอกหักรักคุด อารมณ์ก็ตกลงไป ช่วงจะสอบแล้วอ่านหนังสือไม่ได้ อ่านไม่เข้าหัวเลย ทำให้เครียด เมื่อรับประทานยาหอมเทพจิตรก็จะช่วยปรับอารมณ์ตรงนี้ขึ้นได้ เพราะทำให้เลือดลมเดินได้สะดวก, ยาหอมตำรับที่ 3 ก็คือยาหอมอินทจักร ซึ่งยาหอมตำรับนี้นั้นช่วยให้ร่างกายที่อ่อนเพลียกลับมาสดชื่นแจ่มใสได้ อันนี้จะต่างจากการรับประทานกาแฟ หรือพวกกาเฟอีนต่าง ๆ ที่ออกฤทธิ์กระตุ้นร่างกาย ทำให้ตาค้าง แต่ร่างกายไม่ได้สดชื่น เมื่อหมดฤทธิ์ก็กลับมาเพลียเหมือนเดิมหรือเป็นมากกว่าเดิม แต่ยาหอมอินทจักรจะไปช่วยให้ลมในร่างกายไหลเวียนเป็นปกติ ปลุกไฟในร่างกายขึ้นมาตามธรรมชาติ จึงเป็นการออกฤทธิ์ที่ต่างกัน และยาหอมตำรับที่ 4 ชื่อว่ายาหอมทิพโอสถ ซึ่งยาหอมตำรับนี้สามารถนำมาใช้หลังป่วยไข้หวัดได้ดีมาก ช่วยลดอาการอ่อนเพลียหลังจากป่วยไข้หวัดได้เป็นอย่างดี

 

 สำหรับการรับประทานยาหอมนั้น ในกลุ่มวัยรุ่นวัยทำงานก็สามารถทานได้ 2-3 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน หรือเมื่ออาการดีขึ้นแล้วก็หยุดการใช้ยา เพราะหากรับประทานมากไปก็จะมีผลกระทบ ยิ่งวัยรุ่นเป็นช่วงที่มีธาตุไฟมาก การรับประทานนานๆ ก็อาจไปกระตุ้นธาตุไฟทำให้เกิดการร้อนในได้ จนควรกินยาเมื่อร่างกายเริ่มไม่สมดุลและหยุดยาเมื่อร่างกายกลับมาสมดุลแล้ว

 

“ควรรับประทานยาหอมก่อนที่สมดุลในร่างกายจะแย่ไปกว่านี้แล้ว ยาหอมเมื่อรับประทานไปแล้ว ร่างกายก็จะปรับสมดุลจนเป็นปกติ ส่วนปริมาณในการกินนั้น เนื่องจากการผลิตของแต่ผู้ประกอบการแต่ละรายจะไม่เหมือนกัน ก็ควรอ่านฉลากก่อนรับประทาน ส่วนในกลุ่มผู้สูงอายุร่างกายทำงานได้ไม่ดีเหมือนเดิมก็สามารถรับประทานได้ทุกวัน แต่ต้องระมัดระวังเรื่องของเลือดออกง่าย เพราะยาหอมช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ไม่ข้น ยิ่งคนที่มีโรคประจำตัว ต้องระวังในเรื่องของการรับประทานยาหอมร่วมกับยาแอสไพริน หรือยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจะมีการผ่าตัดก็ต้องหยุดการรับประทานยาหอมและแจ้งแพทย์ด้วย” รศ.รุ่งระวี กล่าว

 

ยาหอมนั้นสามารถช่วยบำรุงรักษาสุขภาพได้ในทุกๆ ด้านได้อย่างปลอดภัย ช่วยปรับลม ทำให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายดีขึ้น ช่วยในการปรับธาตุที่เสียสมดุลของสุขภาพทั้งกายและใจ ยาหอมจึงเปรียบเสมือนลมหายแห่งชีวิตที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน ได้ทราบถึงสรรพคุณที่มากมายของยาหอมไทยอย่างนี้แล้ว ครานี้ไม่ว่าคุณจะเป็นวัยใส วัยโจ๋ หรือสูงวัย วัยไหนๆ ก็อย่าพลาด เตรียมพร้อมมาทดลองสรรพคุณดีๆ ของยาหอมไทยให้ชื่นอกชื่นใจ ไร้ความขุ่นมัวกันได้ที่งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 13 ในวันที่ 31 สิงหาคม-4 กันยายน 2559 ณ ฮอลล์ 6-7-8 เมืองทองธานี ที่จะถึงนี้ด้วยกัน

 

 จรัส พิบูลย์ปุญญโชติ/รายงาน

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์บ้านเมืองออนไลน์ วันที่ 20 สิงหาคม 2559
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก

Fatal error: Call to undefined function drupal_get_path() in /usr/local/www/apache22/data/Braille-new/sites/all/modules/better_statistics/better_statistics.module on line 181