ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์จรัญ มหาทุมะรัตน์ หัวหน้าศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวถึงโครงการผ่าตัดแก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศรีษะเฉลิมพระเกียรติ ว่า ระยะเริ่มแรกของโรคดังกล่าว จะเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ หรือถ้าเป็นมากขึ้น ใบหน้าจะแหว่งไปทั้งหน้าตั้งแต่ริมฝีปากไปจนถึงกระโหลกศรีษะ รวมทั้งโรคงวงช้าง ที่มีก้อนเนื้อโผล่ขึ้นมาที่บริเวณใบหน้าระหว่างคิ้วกับจมูก ซึ่งถือเป็นความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศรีษะชนิดรุนแรง จึงขอแนะนำให้ผู้ที่ต้องการมีบุตร ควรไปเจาะเลือดเพื่อตรวจเช็คว่ามียีนส์ผิดปกติหรือไม่ เพราะบางโรคอาจถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ นอกจากนี้ ควรระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหารที่อาจส่งผลกระทบต่อทารกในระยะตั้งครรภ์ตั้งแต่เดือนที่ 1 ไปจนถึงเดือนที่ 3 เพราะเป็นระยะที่ทารกกำลังสร้างใบหน้าและกะโหลกศรีษะรวมทั้งสมอง จึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาบางชนิดที่ส่งผลกระทบต่อทารก รวมทั้งควรระมัดระวังการรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่นำมาทำเป็นลูกชิ้นเด้ง เพราะอาจมีสารปนเปื้อน เช่น ฟอร์มาลีน หรือสารซัลเฟอร์ต่าง ๆ ที่สำคัญ คือ หากเริ่มตั้งครรภ์ควรไปปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ทารกได้รับวิตามินต่าง ๆ อย่างครบถ้วน

ทั้งนี้ ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้ให้การรักษาผู้ป่วยโรคดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางศูนย์จะออกเงินให้กับผู้ป่วยทั้งหมด เนื่องจากโรคดังกล่าวจะเกิดขึ้นกับครอบครัวที่มีฐานนะยากจนเป็นส่วนใหญ่ จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยผ่านคอนเสิร์ตการกุศลของนางกมลา ศุโกศล และครอบครัว ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมศุโกศล ระหว่างวันที่ 18 - 20 สิงหาคมนี้ ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0 2256 5314 โดยเงินบริจาคดังกล่าวสามารถนำไปหักภาษีได้