ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

เหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์แบ่งปันน้ำใจให้ผู้พิการ ผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาส เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2559

วันที่ลงข่าว: 16/08/16

นางประภาวดี สิงหวิชัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า เหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์เป็นเครือข่ายและตัวแทนของสภากาชาดไทยในส่วนภูมิภาค มีหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบายและภารกิจของสภากาชาดไทย ในการบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนที่ประสบปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนและด้อยโอกาส โดยเฉพาะในถิ่นทุรกันดารทั้งในท้องที่ทั่วไปและในชุมชนตามความจำเป็น ประกอบกับประชากรในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์มีจำนวนมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศและส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม รับจ้าง มีฐานะยากจน ทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีประชาชนที่พิการ ยากไร้ และด้อยโอกาส ไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขจากภาครัฐได้อย่างทั่วถึง ดังนั้น ในปีงบประมาณ 2559 เหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์จึงจัดโครงการเหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์ แบ่งปันน้ำใจให้ผู้พิการ ผู้ยากไร้ และด้อยโอกาส เฉลิมพระเกียรติ 61 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2559 ขึ้น เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่พิการ ยากไร้ และด้อยโอกาส ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีกำลังใจที่เข้มแข็ง สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้พิการ ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เป็นที่ยอมรับของสังคม เพื่อช่วยเหลือผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับบริการจากภาครัฐในทุกด้านอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ และเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนกับเหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์

ทั้งนี้ เหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์กำหนดเป้าหมายผู้พิการ ผู้ยากไร้ และด้อยโอกาสที่อำเภอตรวจสอบคัดกรองแล้วจำนวน 6 อำเภอ รวม 61 ราย ประกอบด้วยอำเภอชุมพลบุรีจำนวน 11 ราย อำเภอท่าตูม อำเภอจอมพระ อำเภอสนม อำเภอสำโรงทาบ และอำเภอพนมดงรักอำเภอละ 10 ราย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจผู้พิการ ผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาส ที่ยังไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ จากนั้นเหล่ากาชาดจังหวัดสุรินทร์จะออกตรวจเยี่ยมมอบสิ่งของ และเงินช่วยเหลือ ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกันยายน 2559 โดยมอบเงินให้ผู้พิการ ผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาส จำนวน 61 ราย ๆ ละ 3,000 บาท พร้อมถุงยังชีพ รวมใช้งบประมาณดำเนินการ รวม 228,500 บาท

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก