สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ พิจารณาแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจผู้สูงวัย เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตที่ตอบสนองความต้องการและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ให้กับสังคมสูงวัยอย่างยั่งยืน

การประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. ที่มีร้อยเอกทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. ทำหน้าที่ประธานการประชุม วันนี้ (1 ส.ค.59) เริ่มเวลา 09.40 น. โดยในการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ เรื่อง เศรษฐกิจผู้สูงวัย โดยนายปีติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ที่ปรึกษากรรมาธิการฯ กล่าวว่า เนื่องจากประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็วในปี 2543 และจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอดในอีก 20 ปี ข้างหน้า (พ.ศ. 2578) ดังนั้น จึงจำเป็นที่ภาครัฐจะต้องปฏิรูป "เศรษฐกิจผู้สูงวัย" โดยเสนอแผนปฏิรูป คือ ให้รัฐบาลประกาศนโยบายให้เศรษฐกิจผู้สูงวัยเป็นวาระแห่งชาติด้วยการบรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทุกฉบับ เพื่อให้ประเทศมีรายได้จากผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและบริการด้านเศรษฐกิจผู้สูงวัยเพิ่มขึ้น ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจผู้สูงวัย ที่เป็นความร่วมมือของรัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจผู้สูงวัย และเสนอให้ยกระดับสถาบันเทคโนโลยีเพื่อคนพิการและผู้สูงอายุเป็นองค์การมหาชน หรือ วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ในการเป็นหน่วยงานบริหารจัดการการขับเคลื่อนนโยบายร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนให้มีอำนาจสั่งการและกำกับดูแล ซึ่งแผนปฏิรูปนี้จะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนและเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมไปสู่ประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และยังเป็นการปฏิรูปด้านนโยบายรายได้ผู้สูงอายุ เพื่อรองรับสังคมสูงวัยอย่างยั่งยืนด้วย

ขณะที่การอภิปรายของสมาชิก สปท. อภิปรายสนับสนุนแผนปฏิรูปตามรายงานของคณะกรรมาธิการฯ แต่เห็นว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในบางเรื่องว่าเหมาะสมกับสังคมไทยหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการใช้จ่ายงบประมาณ และมองว่าสิ่งสำคัญ คือ การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถช่วยเหลือตนเองได้