ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือเปิดโอกาสให้คนพิการเข้าทำงาน

วันที่ลงข่าว: 26/07/16

นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือภาคเอกชน ส่งเสริมและเปิดโอกาสให้คนพิการเข้าทำงานมากขึ้น โดยตั้งเป้าจ้างงานคนพิการให้ได้ 10,000 อัตราในปีนี้

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ กรณีสื่อออนไลน์เสนอข่าวเกี่ยวกับนายคริสโตเฟอร์ เบญจกุล กับร้านเบเกอรี่ 60 plus bakery by Yamazaki & APCD ว่า ร้านแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาศักยภาพคนพิการ เพื่อให้ประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเองได้อย่างมีความสุขในสังคม โดยพนักงานกว่าร้อยละ 80 เป็นคนพิการทางร่างกาย ออทิสติก และทางการได้ยิน โดยรัฐบาลสนับสนุนการดำเนินงานตามแนวทางประชารัฐ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยกย่องชื่นชมนายคริสโตเฟอร์ เบญจกุล เป็นบุคคลที่ทำความดีช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และทำคุณประโยชน์ให้สังคมได้เช่นเดียวกับคนทั่วไป และเป็นแบบอย่างที่ดีของคนพิการคนอื่น

ขอความร่วมมือภาคธุรกิจเอกชนและทุกภาคส่วน ช่วยกันส่งเสริมและเปิดโอกาสให้คนพิการได้เข้าทำงานมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีการจ้างงานคนพิการตามกฎหมาย แล้วคิดเป็นร้อยละ 96.7 ซึ่งถือว่าอยู่ในสัดส่วนที่ดีขึ้น

ด้านพลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เล็งเห็นว่าการมีอาชีพ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยนำยุทธศาสตร์ “ประชารัฐ” มาขับเคลื่อนงานร่วมกับภาคภาคีเครือข่ายงานคนพิการ เพื่อให้เกิดกลไกการพัฒนาการทำงานร่วมกัน ซึ่งมีรูปแบบการทำงานแบบใหม่ ที่ช่วยสนับสนุนให้คนพิการสามารถเข้าถึงโอกาสการมีงานทำ อาทิ การจ้างงานคนพิการเพื่อทำงานในชุมชนของตนเอง การทำงานในองค์กรสาธารณประโยชน์ การประกอบอาชีพอิสระ และงานจิตอาสา โดยตั้งเป้าหมายให้คนพิการมีงานทำในปีนี้ไม่น้อยกว่า 10,000 ตำแหน่ง เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงงานและอาชีพได้มากขึ้น

ทั้งนี้ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นให้คนพิการทุกประเภทออกสู่สังคม สามารถแสดงศักยภาพ และพร้อมสนับสนุนงบประมาณกองทุน เพื่อช่วยขับเคลื่อนและพัฒนากลไกรูปแบบการทำงาน เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งต่อการพัฒนาประเทศ การพัฒนาชุมชน และการพัฒนาสิทธิและสวัสดิการของรัฐ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ไม่ให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมเช่นที่ผ่านมา

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก