ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

สพฐ.เซ็นความร่วมมือ 5 หน่วยงาน ยกระดับคุณภาพชีวิต เด็กพิการ

วันที่ลงข่าว: 04/07/16

3 ก.ค.59 นายสุเทพ ชิตยวงษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ 5 หน่วยงาน ได้แก่ กรมสุขภาพจิต , กรมอนามัย , กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ , คณะกรรมการสเปเชียลโอลิมปิคแห่งประเทศไทย และองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพเด็กพิการในชุมชนทั่วประเทศ

 

ทั้งนี้ ความร่วมมือครั้งนี้สืบเนื่องจากที่รัฐบาลมีความตั้งในและต้องการให้บุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษทุกคน ได้รับและเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา รวมทั้ง พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ได้มีนโยบายให้ปี 2559 ปีแห่งความร่วมมือด้านการจัดการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ โดยมอบหมายให้สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ และ สพฐ.จัดการศึกษาสำหรับเด็กพิการ ตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการ โดยจะต้องดูแลเด็กพิการในทุกช่วงวัย และให้ประสานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้ามาดูแลในมิติอื่นๆ อาทิ สุขภาพ การพัฒนาคุณภาพชีวิต

 

สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนโครงการฯ จะเน้นให้เด็กพิการได้รับการตรวจสุขภาพอย่างมีคุณภาพและเป็นระบบ โดยจะมีการพัฒนาเครื่องมือการตรวจคัดกรองสุขภาพ การฝึกอบรมบุคลากรด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา รวมถึงการดูแลรักษาและติดตามการตรวจสุขภาพสำหรับเด็กพิการ

 

อย่างไรก็ตาม ระหว่างปี 2559 - 2560 องค์การยูนิเซฟจะสนับสนุนทั้งด้านวิชาการและงบประมาณ โดยจะนำร่องในศูนย์การศึกษาพิเศษ 8 จังหวัด ครอบคลุม 4 ภาคๆ ละ 2 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ จ.พิษณุโลก และ จ.แม่ฮ่องสอน , ภาคกลาง จ.จันทบุรี และ จ.ลพบุรี , ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครราชสีมา และ จ.อุดรธานี , ภาคใต้ จ.ภูเก็ต และ จ.สุราษฎร์ธานี ขณะเดียวกันภายในปี 2560 จะขยายโครงการตรวจสุขภาพไปยังศูนย์การศึกษาพิเศษให้ครบทั้ง 77 จังหวัด

 

ด้าน นายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า เด็กพิการเป็นกลุ่มที่ขาดโอกาสที่สุดในทุกสังคมทั่วโลก ทั้งต้องเผชิญอุปสรรคต่างๆ ในการเข้าถึงบริการทางด้านสุขภาพและด้านการศึกษา การที่องค์การยูนิเซฟต้องการร่วมมือกับภาคีทั้ง 5 องค์กร เพื่อส่งเสริมให้สังคมตระหนักถึงความต้องการของเด็กพิการมากขึ้น สนับสนุนให้นักวิชาชีพด้านสาธารณสุข บุคลากร ครู ผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และชุมชน เข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาะและมีความรู้ ทักษะเพียงพอที่จะดูแลเด็กพิการได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

 

 

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์แนวหน้าออนไลน์ วันที่ 3 กรกฏาคม 2559
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก