ที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านยาง อ.เสาไห้ จ.สระบุรี นายชรัส บุญณสะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานเปิดโครงการประกอบอาชีพตู้น้ำมันหยอดเหรียญให้กับสมาคมคนพิการจังหวัดสระบุรี เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพสำหรับคนพิการในพื้นที่จังหวัดสระบุรี

นายชรัส บุญณสะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า สำหรับโครงการประกอบอาชีพตู้น้ำมันหยอดเหรียญนั้นเป็นโครงการส่งเสริมอาชีพสำหรับคนพิการที่สมาคมคนพิการ ซึ่งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจังหวัดสระบุรี เห็นว่าเป็นอาชีพที่เหมาะสมกับคนพิการที่มีข้อจำกัดในการออกไปประกอบอาชีพนอกบ้าน ด้วยสาเหตุของความพิการ และประกอบกับในปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ใช้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องจักรเพื่อการเกษตรมากขึ้น และอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากเส้นทางคมนาคมที่มีสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง จึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นมาและได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มเซ็นทรัล ตามมาตรา 35 ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 ด้วยการให้สิทธิแก่คนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ในการติดตั้งตู้น้ำมันหยอดเหรียญ จำนวน 30 ตู้ ตู้เติมเงินโทรศัพท์อัตโนมัติ จำนวน 10 ตู้ พร้อมการก่อสร้างสถานที่ให้บริการ และอบรมวิธีการใช้งาน และทุนระยะการดำเนินงานเริ่มแรก 4,380,000 บาท ซึ่งทางสมาคมได้จัดระบบให้มีการกระจายไปในทุกอำเภอทั้ง 13 อำเภอ โดยแต่ละจุดจะมีตู้น้ำมันหยอดเหรียญจำนวน 3 ตู้ ตู้เติมเงินโทรศัพท์อัตโนมัติ จำนวน 1 ตู้ และมีคนพิการเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการจำนวน 4 คน

นางสาวสุมาลี ทวงศ์เพ็ชร นายกสมาคมคนพิการสระบุรี กล่าวว่า ตนในฐานะตัวแทนของคนพิการสระบุรี ต้องขอขอบคุณกลุ่มเซ็นทรัลและทุกภาคส่วน ทุกองค์กร ที่ให้การสนับสนุนและมองเห็นความเป็นอยู่ของผู้พิการ ซึ่งโครงการนี้จะทำให้คนพิการและครอบครัวสมารถประกอบอาชีพและมีงานทำอย่างยั่งยืน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ด้านนางบุษบา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัทกลุ่มเซ็นทรัล ได้เปิดเผยว่า ในปี 2559 กลุ่มเซ็นทรัลร่วมกับมูลนิธิศูนย์ศึกษาและส่งเสริมกิจกรรมสังคม และมูลนิธิพระมหาไถ่จัดทำโครงการเพิ่มโอกาสด้านการประกอบอาชีพและการมีงานทำร่วมกับสถานประกอบการให้แก่ผู้พิการว่างงานไม่มีอาชีพ ผู้สูงอายุเลยวัยจ้างงาน หรือมีภาระทางครอบครัวที่ไม่สามารถไปประกอบอาชีพได้ โดยกลุ่มเซ็นทรัลได้ร่วมกับแกนนำองค์กรคนพิการในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัดได้แก่ พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี ซึ่งได้ยื่นสิทธิคนพิการ จำนวน 199 คน เพื่อเข้าร่วมโครงการ ทั้งการฝึกอบรมตามหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียง การซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า การทำเบเกอรี่ การผลิตเบญจรงค์ และการผลิตตู้น้ำอัตโนมัติ เพื่อเป็นทางออกให้กับผู้พิการสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้