ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ชมรมแสงตะวัน ศูนย์คริสเตียนเพื่อพัฒนาผู้พิการอำเภอแม่สะเรียง ฝึกอบรมการทอผ้าชนเผ่าให้กับผู้ดูแลผู้พิการ

วันที่ลงข่าว: 08/06/16

เช้าวันนี้ (09.00 น.) ชมรมแสงตะวัน ศูนย์คริสเตียนเพื่อพัฒนาผู้พิการอำเภอแม่สะเรียง เปิดการฝึกอบรมทอผ้าชนเผ่าและออกแบบลวดลายผ้าชนเผ่าละว้าและกระเหรี่ยง ให้กับผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้พิการ จำนวน 30 คน จาก 4 อำเภอในการดูแลศูนย์คริสเตียนเพื่อพัฒนาผู้พิการ ประกอบด้วย อ.แม่ลาน้อย อ.สบเมย อ.ขุนยวม และอ.แม่สะเรียง ระหว่างวันที่ 7 -16 มิถุนายน 2559 ณ อาคารส่งเสริมทักษะอาชีพศูนย์คริสเตียนเพื่อพัฒนาผู้พิการ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ด้านนางสุพิศ นาควิบูลย์ ประธานชมรมแสงตะวัน เปิดเผยว่า ตามแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2555-2559 ได้เน้นให้เกิดการสร้างสังคมบูรณาการ เพื่อคนพิการและทุกคนในสังคม คนพิการสามารถเข้าถึงและไม่เลือกปฏิบัติต่อคนพิการและผู้ดูแล ทางชมรมแสงตะวันจึงจัดโครงการการฝึกอบรมทอผ้าชนเผ่าและออกแบบลวดลายผ้าชนเผ่าละว้าและกระเหรี่ยง ให้กับผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้พิการ ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุน จากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.แม่ฮ่องสอน เป็นจำนวนเงิน 159,000 บาท เพื่อฝึกอบรมให้ผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้พิการมีทักษะในการทอผ้าและออกแบบผ้าทอได้ตรงตามความต้องการของตลาด ตลอดจนมีรายได้เสริมในการดูแลผู้พิการ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ภายในผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้พิการ อีกด้วย

ทั้งนี้ นางวราภรณ์ ขันเขียว ผู้อำนวยการปฏิบัติการศูนย์คริสเตียนเพื่อพัฒนาผู้พิการอำเภอแม่สะเรียง กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางศูนย์คริสเตียนเพื่อพัฒนาผู้พิการ ได้จัดหาตลาดให้กับสินค้าจากฝีมือของผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้พิการ ทั้งการส่งไปขายที่ร้านเฮ็ดก้อเหลียว ร้านหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ของ อบจ.แม่ฮ่องสอน หรือร้านสินค้าของฝากต่างๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตลอดจนส่งออกไปขายยังต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศออสเตรเลีย ซึ่งสร้างรายได้เฉลี่ยให้กับผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้พิการเฉลี่ยต่อคน 3,000 – 5,000 บาทต่อเดือน สำหรับบางรายสามารถสร้างรายได้ถึงหลักหมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งทางศูนย์คริสเตียนเพื่อพัฒนาผู้พิการได้จัดหาวิทยากรมาอบรม เพื่อพัฒนาการทอผ้าและการออกแบบ สินค้าของผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้พิการ ให้ทันสมัยและตรงตามความต้องการของตลาดต่อไป

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก