นายมานิต เตชอภิโชค กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) กล่าวถึงรถแท็กซี่ผู้พิการว่า ตามที่กรุงเทพมหานครได้มอบหมายบริษัทกรุงเทพธนาคมดำเนินการให้บริการจัดการเดินรถ ซึ่งหมดสัญญาการทดลองเดินรถแล้ว แต่ยังคงจัดให้บริการเดินรถโดยไม่คิดค่าโดยสารต่อ ขณะนี้มีรถให้บริการ 30 คัน ถือว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กรุงเทพมหานครต้องการให้ประชาชนชาวกรุงเทพฯทุกคนได้เดินทางอย่างสะดวกปลอดภัย โดยให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุและผู้พิการสามารถเดินทางได้อย่างเสมอภาคเท่าเทียม

 

ทั้งนี้การประเมินพบว่าจากปัญหาที่ผู้พิการไม่สามารถเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ได้ เมื่อมีโครงการนี้ขึ้นผู้ใช้บริการสามารถเรียกรถได้ตลอดเวลาหมดปัญหาเรียกรถไม่จอดรับ และจากที่เราได้ริเริ่มโครงการเป็นต้นแบบ ทำให้ปัจจุบันมีเอกชนทำรถออกมาให้บริการแล้ว ทำให้มีรถบริการเพิ่มมากขึ้นไม่ใช่เฉพาะจากเราที่เดียว ซึ่งเราก็ดีใจที่เป็นต้นแบบให้เอกชนหันมาให้ความสำคัญผู้สูงอายุและผู้พิการได้มีทางเลือกรับบริการมากขึ้น เทียบจากจำนวนผู้ใช้วีลแชร์ทั้งหมดในกรุงเทพฯ 64,000 คน ร้อยละ 10 คือ 6,400 คน ได้ใช้บริการรถแท็กซี่ผู้พิการก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว สำหรับการเพิ่มจำนวนรถให้ได้ 100 คัน ตามนโยบายผู้ว่าราชกากรุงเทพมหานคร ทางกรุงเทพธนาคมกำลังหาแนวทางและรูปแบบ ขณะเดียวกันหากมีเอกชนรายอื่นๆ ให้บริการเพิ่มมากขึ้นก็จะเป็นการช่วยให้มีจำนวนรถเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นผลงานจากการริเริ่มของกรุงเทพมหานครที่ผู้สูงอายุและผู้พิการจะได้รับประโยชน์

 

อย่างไรก็ดี การที่มีเอกชนให้บริการรถแท็กซี่ผู้พิการนอกจากเราถือเป็นเรื่องดีแต่อยากฝากให้ความสำคัญกับพนักงานขับรถด้วย เพราะผู้ที่จะมาขับรถให้ผู้พิการนั้นจะต้องมีคุณสมบัติพิเศษซึ่งทางกรุงเทพธนาคมเราให้ความสำคัญมาก นอกจากจะขับด้วยความปลอดภัยแล้ว ยังต้องบริการและดูแลผู้โดยสารด้วยใจรักบริการ มีจิตอาสา โดยเรามีการอบรมพนักงานขับรถทุก 3 เดือน จากเริ่มให้บริการปี 2555 ถึงปัจจุบันรวม 4 ปี พนักงานขับรถเราไม่เคยมีปัญหาและได้รับคำชมอยู่เสมอ จุดนี้ทำให้เราแตกต่างจากที่อื่น

 

ส่วนปัญหารถให้บริการไม่ทั่วถึงนั้น กำลังหาช่องทางบริการให้กว้างขวางขึ้นสามารถให้บริการได้มากกว่าลูกค้ากลุ่มเดิม และจะประสานหน่วยงานและภาคเอกชนทำ CSR ให้บริการรถลักษณะเดียวกันประจำหน่วยงานด้วย