ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

รมว.แรงงาน ย้ำ ส่งเสริมการมีงานทำของแรงงานนอกระบบในเวทีอาเซียน

วันที่ลงข่าว: 23/05/16

‘รัฐมนตรีแรงงาน’ ย้ำ 3 หลักการให้โอกาส ‘เริ่มต้น พัฒนา คุ้มครองทางสังคม’ ส่งเสริมแรงงานนอกระบบกว่า 30 ล้านคน เข้าสู่แรงงานในระบบให้เป็นแรงงานที่มีคุณค่าในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวในโอกาสเป็นประธานพบปะสื่อมวลชน พูดคุยถึงผลการเดินทางไปเยือนประเทศกลุ่ม CLMV เพื่อแก้ปัญหาค้ามนุษย์ร่วมกันว่า หลายประเทศให้ความสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านแรงงานในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านจากแรงงานนอกระบบเข้ามาอยู่ในแรงงานในระบบโดยมุ่งสู่แรงงานที่มีคุณค่า (Decent Work) ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งแรงงานในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบจากกำลังแรงงานที่มีอยู่ทั้งหมดเป็นแรงงานในระบบประกันสังคมราว 10 ล้านคนเศษที่เหลือประมาณ 20 ล้านคนเศษเป็นแรงงานนอกระบบ

 

ทั้งนี้ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการคุ้มครองแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ โดยเฉพาะเน้น การส่งเสริมการมีงานทำให้แรงงานนอกระบบเข้าสู่การทำงานในระบบ โดยให้ความสำคัญในการดำเนินการปรับรูปแบบการทำงานนอกระบบซึ่งมีคณะกรรมการระดับชาติ โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการในการดำเนินนโยบายการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ และมีคณะอนุกรรมการโดยปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธานฯ เพื่อประสานงานด้านแผนยุทธศาสตร์ และยังมีคณะอนุกรรมการระดับจังหวัด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายและดำเนินการ

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาได้ดำเนินการภายใต้ “หลักการ 3 โอกาส” ประกอบด้วย โอกาสในการเริ่มต้น เน้นส่งเสริมให้มีทุนในการประกอบอาชีพ อาทิกองทุนรับงานไปทำที่บ้าน พร้อมกับการฝึกอบรมต่างๆ เพื่อจะได้มีอาชีพ อาทิ การประกอบอาหาร การนวดสปา การขายของทางอินเทอร์เน็ต เป็นต้น และส่วนที่สองคือโอกาสในการพัฒนา ได้มีการกำหนดมาตรวิชาชีพให้ได้รับการรับรองคุณวุฒิเพื่อนำไปประกอบอาชีพ และสุดท้ายคือโอกาสในการได้รับการคุ้มครองโดย การขยายความคุ้มครองไปสู่แรงงานนอกระบบ ซึ่งแนวคิดทั้งสามโอกาสนี้ เป็นแนวทางแบบองค์รวม ที่เน้นย้ำการจัดสรรแหล่งเงินทุนควบคู่การพัฒนาทักษะฝีมือและฝึกอบรม รวมทั้งการคุ้มครองทางสังคม ตลอดจนการพัฒนาด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงานให้แรงงานนอกระบบใด้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีความปลอดภัยและมีงานทำอย่างยั่งยืน

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก