ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมนานาชาติโรคติดเชื้อแห่งเอเชีย วันที่ 7-10 พฤศจิกายน นี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

วันที่ลงข่าว: 27/04/16

รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานฝ่ายวิชาการ การประชุมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งเอเชีย ปี 2016 กล่าวว่า ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติโรคติดเชื้อในเด็กแห่งเอเชีย วันที่ 7-10 พฤศจิกายน 2559 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกได้พบปะ แลกเปลี่ยนความรู้ และความก้าวหน้าในการป้องกันโรคติดเชื้อ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาสำคัญที่ทั่วโลกต่างจับตา เนื่องจากเป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากอันดับ 2 ของการเสียชีวิตทั้งหมด คิดเป็นร้อยละ 18-20 เฉพาะปี 2558 องค์การยูนิเซฟรายงานสถิติ การเสียชีวิตของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มีเด็ก 900,000 ราย เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อ ซึ่งกว่าร้อยละ 50 เป็นเด็กในทวีปเอเชีย เชื้อที่พบบ่อยสุด ได้แก่ โรคปอดบวม และการต่อสู้กับโรคติดเชื้อ คือ วัคซีน แม้ไทยจะมีอัตราการครอบคลุมวัคซีนที่อยู่ในโปรแกรมวัคซีนพื้นฐาน ที่ภาครัฐกำหนดให้ฟรีในอัตราที่สูง แต่มีวัคซีนหลายตัวที่ยังไม่บรรจุไว้ในสิทธิ์ ซึ่งกำลังมีความพยายามผลักดันวัคซีนสำคัญอีกหลายตัว ให้บรรจุพิ่มในวัคซีนพื้นฐาน หลังประเทศไทยไม่มีการเพิ่มวัคซีนพื้นฐานมานาน 15 ปี โดยวัคซีนสำคัญที่จะเร่งผลักดัน อาทิ ฮิปวัคซีน หรือวัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งขณะนี้ไทย เป็นประเทศเดียวในโลก ที่ยังไม่บรรจุวัคซีนตัวนี้ไว้เป็นวัคซีนพื้นฐาน แต่เข้าถึงได้ด้วยการสมัครใจจ่ายเงินเพิ่มในราคา 600-700 บาทต่อเข็ม วัคซีนโลต้า ป้องกันโรคท้องร่วง พบมากในเด็ก ร้อยละ 30-40 และเป็นเชื้อตัวเดียวที่ทำให้เสียชีวิตได้ วัคซีนป้องกันเชื้อ HPV ตัวก่อมะเร็งปากมดลูก ซึ่งขณะนี้ ได้ทดลองฉีดที่ จ.อยุธยา ได้รับความพึงพอใจสูงถึงร้อยละ 98 และวัคซีนไอพีวี ป้องกันการปอดบวม ทั้งนี้ เชื่อว่าการเพิ่มวัคซีนจะไม่เป็นภาระงบประมาณ หากนำภาษีบาป คือ ภาษีเหล้า บุหรี่ มาใช้ เช่นเดียวกับที่ประเทศฟิลิปปินส์ดำเนินการ

ด้าน ศ.พญ.อุษา ทิสยากร เลขาธิการสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งเอเชีย และประธานการประชุมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งเอเชีย กล่าวเสริมว่าหากไม่มีการสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กแข็งแรงตั้งแต่วันนี้ อนาคตประเทศจะต้องพบความลำบาก เพราะอัตราการเกิดใหม่ของประชากรไทยค่อนข้างต่ำ หากป่วยหรือพิการอีก อนาคตไทยจะมีประชากรวัยแรงงานไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนประเทศ

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก