ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

กอ.รมน.ภาค 4 สน. สรุปผลการปฎิบัติงาน รอบ 6 เดือน

วันที่ลงข่าว: 25/04/16

แม่ทัพภาค 4 ร่วมแถลงผลการปฏิบัติงาน รอบ 6 เดือน ระบุพร้อมเดินหน้า แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ควบคุมพื้นที่ให้ปลอดภัย ขับเคลื่อนโครงการประชารัฐร่วมใจ สร้างอำเภอสันติสุข ยุติสถานการณ์ความรุนแรง เพื่อส่งผ่านไปสู่การเสริมสร้างสันติสุขและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

วันนี้ (24 เม.ย. 59) ที่ห้องประชุม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลโท วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ พล.ต.ท.เฉลิมพันธุ์ อจลบุญ ผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมกันชี้แจงสรุปผลการปฏิบัติงานของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ในรอบ 6 เดือน ตั้งแต่ตุลาคม 2558 – มีนาคม 2559 โดยเปิดเผยว่าผลจากนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ที่มุ่งเน้นการควบคุมพื้นที่การขับเคลื่อนโครงการ ประชารัฐร่วมใจ สร้างอำเภอสันติสุข และโครงการพาคนกลับบ้าน ทำให้สถานการณ์ในภาพรวมมีพัฒนาการไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประชาชนมีความเชื่อมั่น และมีทัศนคติเชิงบวกต่อนโยบายของรัฐสูงขึ้น ร้อยละ 85.76 และเข้ามามีส่วนรวมในการแก้ไขปัญหามากยิ่งขึ้น โดยสรุปผลการปฏิบัติงานที่สำคัญดังนี้

ด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สามารถควบคุมตัวบุคคลเป้าหมาย 126 ราย (มีหมาย ป.วิอาญา 6 ราย, หมาย พรก.ฉุกเฉิน 17 ราย และผู้ต้องสงสัย 103 ราย), ตรวจยึดอาวุธปืนได้ 49 กระบอก เครื่องกระสุน และยุทโธปกรณ์อื่นๆ หลายรายการ รวมทั้งได้ตรวจพบฐานปฏิบัติการ 7 แห่ง สามารถทำลายความพยายามในการลอบวางระเบิด 38 ครั้ง นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมพื้นที่ ด้วยการบูรณาการกำลังร่วม 3 ฝ่าย และกำลังภาคประชาชน ทำให้สามารถป้องกันการก่อเหตุร้ายขนาดใหญ่ในเขตเมืองเศรษฐกิจได้ โดยมีกำลังภาคประชาชนออกมาร่วมรักษาความปลอดภัยเฉลี่ยวันละ 26,000 คน ส่วนการจัดการกับปัญหาภัยแทรกซ้อน ติดตามจับกุมตรวจยึดของกลางและสิ่งผิดกฎหมายจากเครือข่ายยาเสพติด น้ำมันเถื่อน ป่าไม้ สินค้าหลบหนีภาษี บ่อนการพนัน และเครือข่ายค้ามนุษย์ในพื้นที่ 101 ครั้ง สามารถจับกุมผู้ต้องหา/เชิญตัวผู้ต้องสงสัย 514 คน ตรวจยึดของกลาง ยาบ้า 3,202,580 เม็ด, ไอซ์10.4 กิโลกรัม, เฮโรอีน 20.7 กิโลกรัม, กัญชาอัดแท่ง 572 กิโลกรัม, พืชใบกระท่อม 8,234 กิโลกรัม, อาวุธปืน 17 กระบอก, ยึดคืนผืนป่า 319 – 2= 20 ไร่ และตรวจยึดของกลาง (ไม้ซุง/ไม้แปรรูป 2,715 รายการ), น้ำมันหลบเลี่ยงภาษี 78,870 ลิตร รวมทั้งยังสามารถตรวจยึด ของกลางเป็นเงินบาทไทย และเงินสกุลต่างประเทศกว่า 91 ล้านบาท ส่งผลให้สามารถตัดการสนับสนุนการก่อเหตุร้ายแรงในพื้นที่ได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้ดำเนิน โครงการญาลันนันบารู มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 4,665 คน ปัจจุบันมีสมาชิกรวม 67,288 คน และมีสมาชิกผ่านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด ที่ปอเนาะญาลันนันบารูบ้านเกาะแลหนัง ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา แล้ว 228 คน

ด้านการพัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่และคุณภาพชีวิตประชาชน โดยขับเคลื่อนผ่านโครงการประชารัฐร่วมใจ สร้างอำเภอสันติสุข มีการจัดชุดเยี่ยมสำรวจข้อมูล 421,140 ครัวเรือน เพื่อทราบความต้องการและความเดือนร้อน และบูรณาการ/ปรับแผนงาน/โครงการและงบประมาณ ของส่วนราชการ ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างแท้จริง รวมทั้งยังได้ทำการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ให้ผู้ได้รับผลกระทบผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม 1,051 หลัง นอกจากนี้ได้แก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติ บูโด-สุไหงปาดี ตามโครงการ บูโดรักษ์สันติ สามารถแจกเอกสารสิทธิที่ดินทำกินไปแล้ว 1,083 แปลง ทำให้ประชาชนมีความพึงพอใจ และสามารถอยู่ร่วมกับพื้นที่ป่าได้อย่างลงตัว การก่อสร้างและซ่อมแซมถนน 37 เส้นทาง ระยะทาง 148 กิโลเมตร งบประมาณ 1,056 ล้านบาทเศษ โดยใช้ส่วนผสมยางพาราสดประมาณ 812.9 ตัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยหน่วยทหารช่างจาก กองทัพภาคที่ 1-4 และกรมการทหารช่าง การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลอำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ด้วยการจัดตั้ง กลุ่มวิสาหกิจชุมชน 3 กลุ่ม ส่งเสริมการเลี้ยงไก่เนื้อและสร้างโรงงานแปรรูปไก่ 1 โรง นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งโรงงานแปรรูปยางพาราต้นแบบ 2 โรง ในพื้นที่ อำเภอยะหาและ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ส่วนด้านสาธารณสุข ศูนย์แพทย์ทหารบกจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยแพทย์กระทรวงสาธารณสุข และกลุ่มพยาบาลรักษ์บ้านเกิด เข้าไปให้บริการตรวจสุขภาพ บริการทันตกรรม และช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสและผู้พิการ ให้ได้รับโอกาสในการบริการทางแพทย์อย่างทั่วถึง โดยในห้วงเวลา มีผู้เข้ารับบริการ 53,400 ราย

ด้านการศึกษา ศาสนา และศิลปวัฒนธรรมเน้นจัดระบบการศึกษาให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์ท้องถิ่นและวิถีชุมชน ทั้งด้านกายภาพ และมุ่งผลสัมฤทธิ์ ด้วยการจัดกิจกรรม “ติวข้น...ค้นฝัน” สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 3,099 คน สามารถสอบเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ในรอบสอบตรงได้ 1,466 คน รวมทั้งได้มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนที่มีผลการเรียนดี ฐานะยากจน 14,704 ทุน งบประมาณ 257.822 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนงบประมาณ 96 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งห้องเรียนพิเศษ คณิตศาสตร์ – วิทยาศาสตร์ ( Scince And Mathematics Program) ให้กับโรงเรียน เอกชนสอนศาสนา 18 โรงเรียน เพื่อเพิ่มทักษะทางการศึกษา ให้มุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์มากขึ้น สนับสนุนด้านศาสนาและศิลปวัฒนธรรม มุ่งเน้นให้พี่น้องประชาชนประกอบศาสนกิจตามหลักศรัทธา ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม ด้วยการสนับสนุนงบประมาณให้พี่น้องประชาชนเดินทางแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย 430 คน และเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย 230 คน ทำให้พี่น้องประชาชนได้ประกอบศาสนกิจตามหลักความเชื่อและศรัทธาที่ถูกต้อง สามารถนำมาขยายผลสร้างภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการบิดเบือนคำสอนทางศาสนาที่นำมาสู่การใช้ความรุนแรงในพื้นที่

ด้านการอำนวยความยุติธรรม ด้วยการบังคับใช้กฎหมายตามหลักนิติธรรม ลดระดับการใช้กฎหมายพิเศษ และใช้กฎหมายปกติเข้าติดตามจับกุมด้วยงานข่าวที่แม่นยำ และใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์มากขึ้น ปฏิบัติด้วยความโปร่งใสเป็นธรรมและตรวจสอบได้ และไม่ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน ในทุกขั้นตอนการปฏิบัติภายใต้การมีส่วนร่วมของผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นโดยในห้วงเวลา มีคดีความมั่นคงเกิดขึ้น 178 คดี นอกจากนี้ยังให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยรับเรื่องราวร้องทุกข์ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด 448 เรื่อง แก้ปัญหาได้ข้อยุติแล้ว 133 เรื่อง, ให้การเยียวยาทั้งร่างกายและทรัพย์สิน 307 รายรวมทั้งได้จัดกิจกรรมสร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ 780 ราย,อบรมให้ความรู้ด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ 7,100 คน

ด้านการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งโดยสันติวิธี เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมให้เกื้อกูล และหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการสร้างความเข้าใจและเปิดเวทีให้กลุ่มต่างๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเชิงสันติวิธี รณรงค์ให้ยุติการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยขับเคลื่อนผ่านเครือข่ายองค์กรต่างๆ ในพื้นที่ ผ่านเวทีสาธารณะและกิจกรรมต่างๆ 206 ครั้ง และเปิดพื้นที่ให้ผู้เห็นต่างจากรัฐได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาตาม โครงการพาคนกลับบ้าน โดยในรอบ 6 เดือน มีผู้เข้ารายงานตัวแสดงตนแล้ว 1,841คน สรุปยอดผู้เข้ารายงานตัวทั้งหมดถึงปัจจุบันรวม 3,837 คน และยังไม่ออกมารายงานตัว 1,904 คน ซึ่งจะดำเนินการในห้วงต่อไป นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านและประณามการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีกลุ่มโจรบุกเข้ายึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง มีผู้นำศาสนาและประชาชน ออกมาต่อต้านและประณามกว่า 52,000 คน

ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงดำรงความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาเชิงสันติวิธี ด้วยการควบคุมพื้นที่ให้ปลอดภัย ภายใต้การบูรณาการกำลังร่วม 3 ฝ่าย และกำลังภาคประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และการขับเคลื่อนโครงการประชารัฐร่วมใจ สร้างอำเภอสันติสุขให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และสามารถยุติสถานการณ์ความรุนแรงได้อย่างแท้จริง เพื่อส่งผ่านการแก้ไขปัญหา สู่ระยะการเสริมสร้างสันติสุขและการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก