การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งจัดขึ้นที่เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่ผ่านมาทำให้ไทยได้รับโอกาสในการแสดงความสามารถอีกครั้ง เนื่องจากที่ประชุมเห็นพ้องถึงการสร้างประชาคมอาเซียนโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และสร้างความตื่นตัว และเพิ่มบทบาทของประชาชน ที่ประชุมจึงได้

มอบหมายไทยเป็นประเทศผู้ประสานงานกับองค์กรที่เกี่ยวข้องของสหประชาชาติ เพื่อผลักดันวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาค โดยการผลักดันวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้น ไทยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศ อาทิการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยมาใช้ โดยสนับสนุนให้ประชาชนในประเทศนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน สร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ

นอกจากนี้ในฐานะผู้ประสานงานไทยยังได้ผลักดันวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สหประชาชาติให้ความสำคัญในช่วง 15 ปีหลังจากนี้กับประเทศสมาชิกกลุ่ม G-77 ซึ่งที่ผ่านมา นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวย้ำว่า หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ไทยกำลังผลักดันเหมาะที่จะนำไปใช้ทั้งประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สหประชาชาติหรือยูเอ็น ให้ความสำคัญ เพราะเรื่องดังกล่าวสามารถนำไปปรับใช้ในวิถีชีวิตได้ทุกระดับ และตลอดวาระที่ไทยทำหน้าที่เป็นประธานกลุ่ม G-77 จะนำหลักปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียงนำไปใช้ในทุกมิติ เช่น ด้านไอซีที ซึ่งการศึกษาผ่านดาวเทียมสามารถนำไปใช้พัฒนาการศึกษาทางไกลที่ประสบความสำเร็จได้จริง

อย่างไรก็ตามบทบาทใหม่ที่ไทยได้รับถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่จะพิสูจน์ความสามารถในเวทีระหว่างประเทศและเวทีโลก หากไทยสามารถผลักดันให้วาระการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ประสบความสำเร็จไม่เพียงเป็นการสร้างชื่อเสียงและการยอมรับไว้ในสายตานานาชาติ ทั้งในระดับภูมิภาคและเวทีโลกเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งนั่นคือการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งผลประโยชน์จะตกอยู่กับพลเมืองของแต่ละประเทศ