ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

รัฐบาล พอใจสถานการณ์คอร์รัปชันไทย ดีที่สุดในรอบ 6 ปี เป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มอาเซียน ขณะที่นายกรัฐมนตรี หวังให้สังคมร่วมกันต้านทุจริต ปลูกฝังจิตสำนึกสู่เยาวชนอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง

วันที่ลงข่าว: 08/02/16

พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดคอร์รัปชันโลก ปี 2558 โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) แล้ว โดยประเทศไทยได้ 38 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 เป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย และอันดับที่ 76 จากประเทศทั่วโลก ขยับขึ้นมาจากเดิม 9 อันดับ และเห็นว่าประเทศไทย ควรจะต้องใสสะอาดมากขึ้นเรื่อย ๆ จากความตั้งใจจริงในการทำงานอย่างหนักและต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ เพื่อต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชัน เช่น การตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) การตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) การโยกย้ายข้าราชการที่ได้รับการร้องเรียนหรือมีข้อมูลว่ามีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการออกพระราชบัญญัติการอํานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 และการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ

พลตรีสรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ผลการจัดอันดับขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติสอดคล้องกับผลสำรวจสถานการณ์คอร์รัปชันไทย ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อเดือนมิถุนายน 2558 ที่ระบุว่า สถานการณ์คอร์รัปชันไทยในปี 2558 ดีที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากรัฐบาลได้กำหนดให้การปราบปรามการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ และปฏิบัติการอย่างเข้มแข็งแล้วยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วนที่ตื่นตัวต่อปัญหาและต่อต้านการทุจริตจนเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาสังคม รวมทั้งในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีกลไกพิเศษหลายประการที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในระยะยาวด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวเน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันจะต้องไม่เน้นเพียงการปราบปรามเพียงอย่างเดียว แต่ต้องปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีแก่ประชาชนโดยเฉพาะในระดับเยาวชน ซึ่งถือเป็นการป้องกันก่อนเกิดปัญหาที่ดีที่สุดด้วย เพื่อให้สำนึกรักความซื่อสัตย์ อยู่ในจิตใจของเยาวชนไทย เป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก

Fatal error: Call to undefined function drupal_get_path() in /usr/local/www/apache22/data/Braille-new/sites/all/modules/better_statistics/better_statistics.module on line 181