กระทรวงศึกษาธิการตั้งศูนย์อาเซียนศึกษาในสถานศึกษาทุกสังกัดมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาในภุมิภาคอาเซียน

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และการดำเนินการภายหลังปี ๒๕๕๘ ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ที่ประชุมได้รายงานผลการดำเนินการด้านต่างๆ ตามแผนยุทธศาสตร์อาเซียนด้านการศึกษา ศธ. พ.ศ.๒๕๕๘-๒๕๖๒ เพื่อที่จะเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

ที่ผ่านมา ศธ.ได้มีการตั้งศูนย์อาเซียนศึกษาในสถานศึกษาทุกสังกัด รวม ๔๔๗ แห่ง ศูนย์ดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียนให้แก่ผู้ที่สนใจ นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดงบประมาณให้แก่ศูนย์อาเซียนศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดทั้ง ๒๕๓ แห่ง เพื่อขับเคลื่อนการจัดการเรียนการสอนมิติอาเซียนศึกษาให้แก่โรงเรียนเครือข่าย และส่งเสริมการนำหลักสูตรแกนกลางอาเซียนศึกษาสู่การจัดการเรียนการสอนทุกระดับชั้น

พล.อ.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้หารือถึงโครงการพัฒนาให้เป็นการศึกษาไทยเป็นศูนย์กลางของการศึกษาในภูมิภาคอาเซียน โดยตั้งเป้าหมายพัฒนาการศึกษาของได้ให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อที่จะรองรับนักเรียนจากประเทศอาเซียนต่างๆ ที่จะเข้ามาศึกษาในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการอยู่จำนวน ๑๔ โรงเรียน ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติที่จะขยายโรงเรียนตามโครงการนี้ให้ได้อย่างน้อยจังหวัดละ ๒ โรง รวมถึงขยายให้ครอบคลุมในทุกระดับ ทั้งการศึกษาพื้นฐาน อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะพัฒนาศูนย์อาเซียนศึกษาให้เป็นคลังความรู้ในเรื่องของอาเซียนด้วย

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงศึกษาธิการมีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมิภาค จากโครงการ Education Hub ที่พัฒนาหลักสูตรการจัดการเรียนการสอนและเสริมศักยภาพของโรงเรียน สังกัด สพฐ. ตามมาตรฐานสากล ให้พร้อมรับผู้เรียนจากภูมิภาคอาเซียนและนานาชาติ ระดับอาชีวศึกษาเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งเครือข่ายสมาพันธ์เทคนิคและอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA-TVET) ระดับอุดมศึกษาเป็นที่ตั้งเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ บุคลากร นักศึกษา ระหว่างหน่วยงานการศึกษาของประเทศสมาชิกอาเซียนด้วย ทั้งนี้พบว่า เด็กและเยาวชนพร้อมเปิดใจเรียนรู้วัฒนธรรม ค่านิยมของประเทศอื่นๆ โดยไม่ลืมรากเหง้าความเป็นไทยของตน แสดงให้เห็นว่าเยาวชนไทยพร้อมเป็นพลเมืองอาเซียนหนึ่งเดียวกันกับชาวอาเซียนโดยรวม สิ่งนี้จึงถือเป็นสัญญาณที่ดีของการดำเนินงานว่าไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง