ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

กระทรวงศึกษาพัฒนาทักษะความรู้ให้เด็กไทยทุกระดับเป็นพลเมืองอาเซียน

วันที่ลงข่าว: 07/01/16

กระทรวงศึกษาธิการเตรียมความพร้อมให้เด็กไทยให้เป็นพลเมืองของประชาคมอาเซียน สื่อสารภาษาอังกฤษได้ มีทักษะวิชาชีพสอดคล้องกับตลาดแรงงานและเป็นผู้ประกอบการ

 

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลงถึงความพร้อมของกระทรวงศึกษาในการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ภายในปี ๒๕๕๙ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพพลเมืองไทยให้สามารถเป็นพลเมืองของประชาคมอาเซียน ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ จึงมุ่งสร้างให้เด็กและเยาวชน มีความพร้อม และมีคุณภาพเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานอาเซียน ผ่านเครือข่ายที่เข้มแข็ง ตามแนวทางแผนยุทธศาสตร์อาเซียนด้านการศึกษา พ.ศ.๒๕๕๘-๖๒ ในในการสร้างเยาวชนให้มีความสามารถในการสื่อสารทั้งภาษาอังกฤษและภาษาประเทศสมาชิกอาเซียน พัฒนาครูผู้สอนตามมาตรฐานสากลและมีศูนย์ขับเคลื่อนการสอนภาษาอยู่ในทุกอำเภอทั่วประเทศ พร้อมให้ความรู้ประชาคมอาเซียน ผ่านการนำหลักสูตรแกนกลางอาเซียน (ASEAN Curriculum Sourcebook) สู่การสอนทุกระดับชั้น

 

พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังต้องให้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์และการค้าอาเซียนแก่นักเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา พัฒนานักศึกษาอาชีวะและมหาวิทยาลัยให้มีทักษะวิชาชีพที่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน พร้อมเป็นผู้ประกอบการ สร้างทักษะ สมรรถนะสำคัญสำหรับพลเมืองในศตวรรษที่ ๒๑ แก่ผู้เรียนทุกระดับ และจะมีการพัฒนากรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่กรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน ทำให้ผู้ที่ได้รับวุฒิการศึกษาในประเทศสามารถเทียบกับกรอบคุณวุฒิวิชาชีพอาเซียน ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางได้ เป็นประโยชน์ต่อแรงงาน

“กระทรวงศึกษาธิการพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วยพลังเครือข่ายเข้มแข็ง โดยมีศูนย์อาเซียนศึกษาในทุกสังกัด ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้และแม่ข่ายความรู้ประชาคมอาเซียนให้แก่ผู้เรียน บุคลากร สถานศึกษา และประชาชนทั่วไป รวม ๔๔๗ ศูนย์ทั่วประเทศ ซึ่ง สพฐ. ได้จัดสรรงบประมาณให้ศูนย์อาเซียนศึกษาเพื่อสร้างความเข้มแข็งในการพัฒนาการสอนด้วย และพร้อมดำเนินงานให้บรรลุหัวใจหลักที่แท้จริงของการจัดตั้งประชาคมอาเซียน ที่มุ่งหมายให้ประชาคมแห่งนี้เป็นประชาคม แห่งการแบ่งปันและเอื้ออาทร (Caring and Sharing Community)” พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

ที่มาของข่าว http://dlfeschool.in.th
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก