ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

สภานิติบัญญัติพบประชาชน ครั้งที่ 12 เป็นจังหวัดที่ 25 ที่ จ.เชียงราย

วันที่ลงข่าว: 21/12/15

สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จัดเวทีเผยแพร่ความรู้ในบทบาทอำนาจหน้าที่และผลงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในโครงการสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติพบประชาชน พร้อมรับฟังปัญหาจากทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงราย

วันนี้ (20 ธ.ค. 58) ที่ห้องจอมกิตติ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ถนนแม่ฟ้าหลวง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และเป็นประธานในการประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติพบประชาชน ที่จังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยคณะประกอบด้วย นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่ 2 นางเสาวณี สุวรรณชีพ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พลเอก นิวัติ ศรีเพ็ญ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยมี นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับ และมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์การภาคเอกชน ภาคประชาสังคม เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ตลอดทั้งสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

โดยการพบปะกับหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดเชียงราย เริ่มด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวต้อนรับ จากนั้น ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวถึงความมุ่งหมายของการจัดกิจกรรม เพื่อพบปะหารือรับทราบปัญหาให้นำไปสู่การแก้ไขของจังหวัดร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงาน รวมทั้งกับประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และสะท้อนปัญหาของจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นการศึกษาสองทางทั้งแนวทางการร่วมกันทำเพื่อขับเคลื่อนประเทศ โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้จัดโครงการสภานิติบัญญัติแห่งชาติพบประชาชนเป็นปีแรก ต่อด้วยรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติคนที่ 2 กล่าวรายงาน ประธานกล่าวเปิดกิจกรรม ต่อด้วยชี้แจงความเป็นมาของโครงการ ต่อจากนั้นคณะสภานิติบัญญัติแห่งชาติแนะนำสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ผู้เข้าร่วมโครงการและกล่าวถึงผลงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จากนั้นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติกล่าวถึงผลงานของรัฐบาล กรรมการร่างรัฐธรรมนูญกล่าวถึงอำนาจหน้าที่ของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่จะทำร่างแรกให้เสร็จภายในเดือนมกราคมแล้วรับฟังความคิดเห็นก่อนนำไปปรับปรุงแล้วจะเสนอคณะรัฐมนตรีและแสดงประชามติ

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายแถลงปัญหาของจังหวัดเชียงราย ร่วมกับส่วนราชการตามแผนพัฒนาจังหวัดเชียงรายที่สอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศ ในประเด็นปัญหาและการแก้ไขหมอกควันและไฟป่า ที่เกิดหมอกควันวันที่ 17 มกราคมของทุกปี รุนแรงใน 5 อำเภอคืออำเภอเมือง อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอเวียงแก่น และอำเภอแม่ฟ้าหลวง และพื้นที่ที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับ ความกดอากาศ การเผาตอซังฟางข้าวและข้าวโพด โดยการแก้ปัญหาในเชิงป้องกันได้ทำการส่งเสริมการปลูกพืชเชิงเดี่ยวและทำบุญอินทรีย์ให้มากขึ้น สร้างความตระหนักรู้ร่วมกับผู้นำและชุมชนมีส่วนร่วมด้วยการแบ่งมอบพื้นที่ การออกประกาศงดการเผาในห้วงเวลาก่อนที่จะเกิดวิกฤต การตั้งศูนย์ควบคุมให้มีสายด่วนแจ้งเหตุและส่งชุดดับไฟ ซึ่งคาดว่าจะสามารถควบคุมได้

ขณะที่ ปัญหาการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง มีปัญหาทำการเกษตรกว่า 2 ล้านไร่ แต่มีปริมาณฝนตกน้อยต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยร้อยละ 20 จึงทำให้การกักเก็บน้ำมีน้อย เป็นปัญหาจากการใช้น้ำ แก้ปัญหาโดยดูแลการเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้ง มีพื้นที่ชลประทานเพียงพอกับการใช้น้ำ ระยะกลางและระยะยาวใช้การก่อสร้างโครงการชลประมานขนาดเล็ก 20 ล้านลูกบาศก์เมตร และพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 400 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่มีความแห้งแล้งเฉพาะในบางพื้นที่เนื่องจากมีโครงการตามพระราชดำริรักษาต้นน้ำ ลดการปลูกนาปรัง ส่วนปัญหาจากแผ่นดินไหว ที่ผ่านมาเมื่อ 5 พฤษภาคม 2557 เกิดเป็นครั้งแรกที่รุนแรงที่สุดในประเทศไทยที่อำเภอพาน เกิดความเสียหาย 7 อำเภอ 47 ตำบล 446 หมู่บ้าน ทางตอนใต้ของจังหวัดเชียงราย ผู้เสียชีวิต 1 ราย บ้านเรือนเสียหาย 16,000 หลังคาเรือน มีการตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจส่วนหน้าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ และมีศูนย์ตรวจสอบอาคารที่ได้รับผลกระทบ เกิดปัญหาที่มีผลต่อความเสียหายต่อประชาชน เงินทดรองราชการไม่เพียงพอ บ้านเรือนราษฎรที่ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ขาดองค์ความรู้เผชิญเหตุแผ่นดินไหว แต่ยังมีรอยเลื่อนที่มีพลังที่อาจเกิดแผ่นดินไหวได้อีก ใช้การให้ความรู้แก่ประชาชนและนักเรียน ออกมาตรการให้รองรับแผ่นดินไหว และให้ส่วนราชการมีการซ้อมแผนแผ่นดินไหว พร้อมออกมาตรการด้านความมั่นคงแข็งแรงของอาคารทั้งอาคารราชการและอาคารพักอาศัยทั่วไป มีการจัดการอบรมช่างก่อสร้างทั้ง 18 อำเภอ ส่วนโบราณสถานและวัดดำเนินการซ่อมแซม และปัญหาที่ดินทำกินของราษฎรในอำเภอขุนตาลและอำเภอเทิง กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมการและตอบสนองนโยบายของรัฐบาลได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สำหรับนโยบายของจังหวัดเชียงรายที่เป็นภารกิจสำคัญ คือ การเร่งรัดการดำเนินการ ส่งเสริมการทำการเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง การส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันปับประชารัฐด้วยกิจกรรมก่อสร้างเสาธงสูงที่สุดในโลกอำเภอเชียงแสน การดำเนินงานเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ 3 อำเภอ อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน และอำเภอเชียงของ กำลังอยู่ในระหว่างเตรียมการ โดยเฉพาะการจัดหาที่ดินให้ภาคเอกชนเช้าใช้ในระยะยาวต่อไป

ทั้งนี้ ในส่วนความคิดเห็นและข้อแนะนำของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ควรให้ส่งเสริมการปลูกพืชในฤดูแล้งที่ใช้น้ำน้อยและหาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ควรศึกษาแผนการบริหารจัดการน้ำตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล เพื่อใช้ประโยชน์ในการออกแบบก่อสร้างอ่างเก็บน้ำรองรับแผ่นดินไหว ควรจัดทำแหล่งกักเก็บน้ำเป็นแก้มลิง ควรจัดทำกฎหมายก่อสร้างอาคารและงบประมาณรองรับการป้องกันเหตุแผ่นดินไหว พร้อมกับการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ด้วยการให้รวมกลุ่มจังหวัดร่วมจัดทำแผนแล้วนำเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ควรดูปัญหาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษ เนื่องจากมีสินค้าหลายประเภทถูกกักเก็บทำให้สินค้าสูญเสีย สินค้านำเข้าจากจีนอาจมีสารพิษปะปนเพราะมีเครื่องมือน้อย ส่วนสินค้านำเข้าเป็นสินค้าควบคุม โดยให้เรียกเก็บภาษีในอัตราสูง เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง ควรพิจารณาแก้ไขปัญหาผังเมืองให้เหมาะสมกับการส่งเสริม SMEs ของประชาชนควรวางแผนการสกัดกั้นการเผาป่าเพื่อลดหมอกควันและมีบทลงโทษผู้ฝ่าฝืน ควรสนับสนุนให้ราษฎรสมัครเข้าไปเพาะปลูกในที่ดินทำกิน โดยราชการจัดที่ดินแต่ไม่ได้ให้เอกสารสิทธิ ควรศึกษาการแปรรูปขยะ ควรคลี่คลายปัญหาการแตกแยกทางความคิดด้วย ควรดูแลผู้พิการและองค์กรคนชรา และควรใช้จุดแข็งด้านความสงบเรียบร้อยและความอุดมสมบูรณ์ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาจังหวัดและประเทศไปในที่สุด

เสร็จแล้วได้ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เป็นอันจบกิจกรรมการพบปะกับส่วนราชการ ก่อนที่คณะจะเดินทางไปบำเพ็ญบุญกุศลและทอดผ้าป่าสามัคคีที่วัดฝั่งหมิ่น ต่อด้วยกิจกรรมพบปะรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนก่อนเสร็จสิ้นกิจกรรมและเดินทางกลับ

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก