ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

นักวิ่งโลกมืด...พิชิตฝัน....

วันที่ลงข่าว: 15/09/15
ปราโมทย์ อินทอง นักวิ่งผู้พิการทางสายตา วัย 27 ปี
 
อุปสรรคมีไว้ข้าม ไม่ใช่มีไว้ท้อ ประโยคที่ ปราโมทย์ อินทอง นักวิ่งผู้พิการทางสายตา วัย 27 ปี ท่องไว้ในใจเสมอมา ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เมื่อ 4 ปีก่อน ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างบอดสนิท ชีวิตของเด็กหนุ่มจากเชียงรายที่กำลังมีหน้าที่การงานที่มั่นคง กำลังวาดฝันอนาคตกับผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ของลูก แต่แล้วโชคชะตาเหมือนเล่นตลก เขาต้องเสียคุณแม่อันเป็นที่รักยิ่งจากโรคมะเร็ง ประกอบกับตัวเองต้องมาเสียดวงตาทั้งสองข้างชนิดไม่มีวันหวนคืน มิหนำซ้ำยังต้องมาสูญเสียคนรัก ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเป็นชายพิการโดยถูกปฏิเสธจากญาติของฝ่ายหญิง กีดกันไม่ให้ทั้งสองคบกันอีกต่อไป ส่วนลูกสาววัย 2 ขวบ ก็ต้องอยู่กับแม่ยาย 
ชีวิตต้องตกอยู่ในความมืดมิดนับแต่วินาทีนั้น ความท้อแท้ สิ้นหวัง ความสูญเสีย ปัญหาอุปสรรคทุกอย่างประดังถาโถมเข้ามาราวกับพายุในท้องทะเลที่บ้าคลั่ง บ่อยครั้งที่ปราโมทย์คิดสั้น เพราะไม่รู้ว่าจะจัดการกับชีวิตตัวเองอย่างไร แต่กำลังใจจากญาติสนิท รวมถึงเพื่อนๆ ที่รู้จัก เป็นน้ำทิพย์ชโลมใจอย่างดี ทำให้ปราโมทย์ตัดสินใจลุกขึ้นมาสู้กับโชคชะตา
ผมเคยคิดสั้นหลายครั้ง เพราะไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตตัวเอง ผมเคยเป็นคนปกติ มีอาการครบ 32 มีดวงตาที่เคยเห็นโลกสวยงาม แต่จู่ๆ ก็เหมือนโดนฟ้าผ่า ผมเกิดอุบัติเหตุ ตาบอด ผมเคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง เพราะยอมรับไม่ได้ ผมต้องทนทุกข์ทรมานหลายปีกว่าจะทำใจยอมรับสภาพคำว่า คนพิการ สิ่งที่ทำให้ผมยืนหยัดและต่อสู้ได้มาจนถึงวันนี้ คือมองคนที่ด้อยกว่าแล้วเราจะดูดีขึ้น สิ่งที่สำคัญคือ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและไม่ดูถูกตัวเอง
เป้าหมายในชีวิตของคนพิการอย่างปราโมทย์ไม่ได้สูงส่งหรือพิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป ปราโมทย์เล่าว่า ต้องการสร้างฐานะเก็บเงินสักก้อนเพื่อวางรากฐานที่มั่นคง และที่สำคัญไม่อยากเป็นภาระของสังคม อยากช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด ปัจจุบันมีความสุขอยู่กับชีวิต ณ ตอนนี้ ที่ได้มาเรียนที่ศูนย์พัฒนาสมรรถภาพคนตาบอดปากเกร็ด เปรียบเสมือนบ้านที่ให้ความรู้ ให้อาชีพ และให้รายได้
 
ล่าสุด ปราโมทย์ได้รับเชิญเข้าร่วมกิจกรรมในการแข่งขัน วิ่ง สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กรุงเทพมาราธอน ครั้งที่ 28 ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ย.นี้ รายการดังกล่าวชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท โดยปีนี้มีนักวิ่งจากทั่วโลกและผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 5 หมื่นคน รายได้ส่วนหนึ่งสมทบกองทุนในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และบริจาคเพื่อดูแลผู้พิการทางสายตา ปราโมทย์ดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมรายการนี้
ปกติผมเป็นคนชอบวิ่งอยู่แล้ว เพราะมันเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ต้องลงทุนอะไร แค่มีรองเท้าคู่เดียวก็สามารถออกกำลังกายได้ ผมดีใจที่ได้รับเลือกจากคณะกรรมการจัดการแข่งขัน มีหลายคนที่เป็นนักวิ่งบลายด์รันเนอร์ ซึ่งต้องใช้ความพยายามและความตั้งใจมากกว่าคนปกติหลายเท่าตัว ผมซ้อมสัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยมี จิรวัฒน์ มีสุข ไกด์ รันเนอร์ นักวิ่งจิตอาสา เป็นพี่เลี้ยง สอนวิธีการวิ่ง วิธีการหายใจ ผมต้องขอขอบคุณคุณจิรวัฒน์ ที่มีความอดทนและเข้าใจพื้นฐานของคนตาบอดเป็นอย่างดี สำหรับกิจกรรมนี้ ผมในฐานะตัวแทนของคนพิการทางสายตาทั่วประเทศ ขอขอบคุณธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ที่จัดกิจกรรมดีๆ ให้คนพิการ เปรียบเสมือนสังคมไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่คนพิการด้อยโอกาสอยากได้รับจากสังคม
อนาคตปราโมทย์อยากจะกลับไปอยู่กับลูกที่ต่างจังหวัด หรือไม่ก็เก็บเงินซื้อบ้านและรับลูกมาอยู่ด้วยกัน แม้จะไม่ได้เห็นหน้า แต่อยากที่จะทำหน้าที่ของพ่อให้สมบูรณ์แบบ ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ คือต้องตั้งใจเรียนอักษรเบรล เรียนคอมพิวเตอร์ และตอนนี้ได้ลงเรียนวิชานวดแผนไทยเพื่อจะได้มีอาชีพ มีรายได้ เพราะต้องการหลุดพ้นคำว่า ปัญหาสังคม
สุดท้ายเด็กหนุ่มวัย 27 ปี มองว่า  ปัญหาทุกอย่างมีทางออกหากไม่สิ้นหวัง ดังบทเพลงของคุณกมลา สุโกศล  อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน เติมความคิด สติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
ตัวอย่างของคนสู้ชีวิตอีกคน กำลังใจเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ นี่เป็นอีกแรงบันดาลใจที่จะให้คนที่ท้อแท้สิ้นหวังกับชีวิตลุกขึ้นมาสู้ เพื่อก้าวเดินไป...แม้หนทางข้างหน้าจะมีอุปสรรคขวากหนามก็ตาม!!!
 
โดย...กษม จักรเครือ
ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ออนไลน์ วันที่ 15 กันยายน 2558
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก