ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

แม่หัวใจแกร่ง! เลี้ยงลูกพิการนาน 14 ปี เผยต้องเข้มแข็ง-อ่อนแอไม่ได้

วันที่ลงข่าว: 10/08/15

(8 ส.ค.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบนางหอมไกร  บุญภา กำลังท่อผ้าและเฝ้าดูแลช่วยเหลือลูกชาย โดยมีราวไม้ไผ่ 2 อันผูกกับเสาบ้าน ให้ลูกชายได้เดินออกกำลังกายอยู่ที่หน้าบ้าน  ลูกชายพิการชื่อนายชัยณรงค์ บุญภา อายุ 29 ปี ที่ป่วยพิการทางสมองและอวัยวะของร่างกายทางซีกซ้ายกลายเป็นอัมพาต แข้งขาและแขนลีบ แถมไม่มีแรงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างแม่จะเป็นคนจัดการทั้งหมดไม่ว่า จะเป็นอาบน้ำ กินข้าว ตลอดจนการขับถ่ายปัสสาวะอุจาระ  ทุกวันเมื่อทำภารกิจให้ลูกเสร็จก็จะเอาลูกมาเดินกายภาพที่ราวไม้ ถ้าเขาเหนื่อยก็จะนั่งพักที่ม้าหินอ่อน ทำอย่างนี้ 14 ปีแล้ว

 

นางหอมไกร  เล่าว่า ตนพร้อมสามี และลูกชาย อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้เพียงสามคน ส่วนสามีนั้น ได้นำวัวออกไปเลี้ยงวัวที่กลางทุ่ง ตนเป็นแม่จึงต้องคอยเฝ้าดูแลลูกชายอยู่ที่บ้านแทน  ส่วนสาเหตุที่ลูกชายต้องกลายเป็นอัมพาตแบบนี้ ก็เนื่องมาจาก นายชัยณรงค์ ประสบอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ กับเพื่อนอีก 2 คน เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2543 จนทำให้สมองกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ต้องได้รับการผ่าตัดสมอง และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องนอนในห้องไอซียูของโรงพยาบาลเลยถึง 18 คืน

 

หลังจากฟื้นขึ้นมาก็ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลฯ อีกกว่า 2 เดือน จนถึงปัจจุบันนายชัยณรงค์  ซึ่งภายหลังจากกลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านนายชัยณรงค์  ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ อีกทั้งยังพูดและสื่อสารแทบไม่ได้  เวลาเข้าห้องน้ำพ่อหรือแม่ต้องคอยไปพยุงและล้างเช็ดทำความสะอาดให้ทุกครั้ง และบางวันยังมีอาการชักเกร็ง  ปัจจุบันต้องกินยาป้องกันอาการชักทุกวัน และอาจจะต้องกินยานี้ไปจนตลอดชีวิต  

 

ตัวนางหอมไกรนั้นอดีตเคยเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลเขาแก้ว ส่วนสามีนั้นก็เคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขณะนี้ ฐานะทางบ้านไม่ค่อยสู้จะดีนัก  ปัจจุบันนางหอมไกรและสามี มีอาชีพทำเกษตรกรรมและเลี้ยงวัว  ซึ่งรายได้ที่ได้รับมาในแต่ละวันก็ไม่แน่นอน รายได้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเพียงพอต่อการจับจ่ายในครัวเรือน และที่สำคัญคือนำมาเลี้ยงดูลูกชายที่พิการ  ส่วนนายชัยณรงค์ นั้นก็ได้รับการช่วยเหลือเป็นเบี้ยยังชีพคนพิการเพียงเดือนละ 800 บาท จากทางเทศบาลตำบลเขาแก้วแค่นั้น 

 

ปัจจุบันตนได้รับการสนับสนุนการทำอาชีพเสริมโดยได้รับงานจากโครงการเทิดพระเกียรติในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ตั้งอยู่ที่บ้านคกงิ้ว ต.ปากตม อ.เชียงคาน จ.เลย มาทำที่บ้านพร้อมกับคอยดูแลลูกชายไปด้วย และหลังจากทำเสร็จแล้วก็จะส่งไปจำหน่ายคืนให้กับโครงการฯ และตนยังได้ไปรับงานทอผ้าและเย็บปักถักร้อย จากบ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำนาป่าหนาด ต.เขาแก้ว อ.เชียงคาน จ.เลย มาทำอยู่ที่บ้าน เพื่อเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นด้วย

 

นางหอมไกร พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า ตนนั้นรักและห่วงใยลูกชายคนเดียวคนนี้เป็นอย่างมาก  เมื่อมารู้ว่าลูกชายคนเดียวต้องกลายมาเป็นแบบนี้ ตอนแรกก็ทำอะไรไม่ถูก  แต่เมื่อตั้งสติได้ก็บอกกับตัวเองเสมอมาว่าตัวเองจะต้องเป็นแม่ที่เข้มแข็ง จะอ่อนแอไม่ได้ และจะคอยอยู่ดูแลลูกชายคนนี้ให้หายดี หรือกลับมาช่วยตัวเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด  และอยากวอนให้ผู้ที่เห็นใจครอบครัวของตนได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตน สามี และลูกชายด้วย 

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก