ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

นายก อบจ.ร้อยเอ็ด มอบรถสามล้อโยกกลางรถเข็นสำหรับผู้พิการให้ผู้พิการในเขตเทศบาลตำบลมะอึ อ.ธวัชบุรี

วันที่ลงข่าว: 24/06/15

นายมังกร ยนต์ตระกูล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด มอบรถสามล้อโยกกลางและรถเข็นสำหรับผู้พิการให้กับผู้พิการในเขตเทศบาลตำบลมะอึ อำเภอธวัชบุรี โดยมีนายทัศนัย ไวนิยมพงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด นายพิศิษฐ์ศักดิ์ ไวนิยมพงศ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด เขตอำเภอธวัชบุรี นางสิรีนาถ เกิดเหมาะ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด นายประเทือง เพชรโรจน์ รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด หัวหน้าส่วนราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมมอบในครั้งนี้ โดยนายเชษฐา เวียงสิมา นายกเทศมนตรีตำบลมะอึ ได้นำคณะของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ไปยังบ้านผู้พิการ ซึ่งเป็นราษฎรในเขตเทศบาลตำบลมะอึ จำนวน 7 คน เพื่อมอบรถเข็นสำหรับผู้พิการและดูสภาพที่อยู่อาศัยของผู้พิการเพื่อทำการช่วยเหลือ

นายมังกร ยนต์ตระกูล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ปัญหาผู้พิการที่เพิ่มขึ้นมาใหม่อันดับหนึ่งคือ เกิดจากการเกิดอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ อุบัติเหตุที่ทำให้คนเสียชีวิตและพิการอันดับหนึ่งคือรถจักรยานยนต์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ได้จัดอบรมเยาวชนที่ใช้รถจักรยานยนต์ ให้ได้ใบขับขี่เพื่อลดอุบัติเหตุและไม่เพิ่มจำนวนผู้พิการ นอกจากนั้นยังได้มอบรถกู้ชีพให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาล เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ให้ทันกับเวลา หากไปช้าอาจทำให้พิการได้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพ ตั้งงบประมาณไว้ที่กองทุนฟื้นฟูผู้พิการและผู้สูงอายุ สำหรับช่วยเหลือผู้พิการ ไม่ว่าจะเป็นรถสามล้อโยกกลาง รถเข็น และไม้เท้า

ทั้งนี้ สาเหตุที่จะต้องเดินทางไปมอบรถสามล้อโยกกลาง และรถเข็นสำหรับผู้พิการถึงบ้าน เพราะจะได้ดูสภาพบ้าน ความเป็นอยู่ของผู้พิการว่าอยู่อย่างไรได้รับความสะดวกหรือไม่ เพื่อจะได้จัดงบประมาณเพื่อทำการซ่อมแซมบ้านของผู้พิการ ทำทางเดินไปห้องน้ำ มีราวเดินเข้าห้องน้ำและปรับปรุงห้องน้ำห้องนอนให้อยู่ไม่ไกลกัน องค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ทำการซ่อมแซมไปแล้ว 30 หลัง ใช้เงินหลังละประมาณ 25,000 ถึง 30,000 บาท นอกจากนั้นยังจะต้องหาผู้ดูแลผู้พิการ เพื่อมาดูแลผู้พิการ รวมทั้งเพื่อให้พ่อแม่ผู้พิการได้มีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก