ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง เชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลปี 2558

วันที่ลงข่าว: 08/06/15

นายวิฑูรย์ เหลืองดิลก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง กล่าวว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญต่อโรคไข้หวัดใหญ่สูงขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี 2557 หลังเกิดการระบาดของไข้หวัดนกสายพันธ์ H5N1 เป็นต้นมา ประกอบกับสถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มที่จะระบาด และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในช่วงฤดูฝนประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรค จึงจัดให้มีการให้วัคซีนในกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ได้แก่ 1.บุคลากรที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลและไข้หวัดนก เช่น แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ทำหน้าที่สอบสวนควบคุมโรค เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่ทำลายซากสัตว์ปีกและสัตว์อื่นที่สงสัยติดเชื้อ ไข้หวัดนก และเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการตรวจวินิจฉัยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2.ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ กลุ่มหญิงที่มีอายุครรภ์มากกว่า 4 เดือนขึ้นไป , กลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี , ผู้มีโรคเรื้อรัง , บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป , ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ , ผู้ที่เป็นโรคอ้วน , ผู้ที่ป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมียและภูมิคุ้มกันบกพร่อง

โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง 2 กลุ่ม มารับการฉีดน้อย เพียงร้อยละ 3 จึงขอเชิญชวน คือ 1.กลุ่มหญิงที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป หากฉีดจะได้รับภูมิคุ้มกันทั้งแม่และลูก และ 2.กลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน-2 ปีทุกคน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและมีภาวะเกิดโรคแทรกซ้อน ที่รุนแรงสูง วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เป็นวัคซีนที่ใช้สำหรับป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้ฉีดในบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่มีความเสี่ยง ต่อการเจ็บป่วยรุนแรง หรือ มีภาวะแทรกซ้อนหากติดเชื้อ โดยการฉีดวัคซีนนั้นเป็นไปตามความสมัครใจของบุคคล หลังจากฉีดวัคซีนควรรอเฝ้าดูอาการแพ้ภายหลังการฉีดเป็นเวลา 30 นาที อาการที่ต้องสังเกต ได้แก่ อาการคันที่ผิวหนัง บวมตามปาก หน้า ลำคอ หายใจลำบาก วิงเวียน ใจสั่น เป็นลม เหงื่อออก ชีพจรเบา ช็อก เป็นต้น หากไม่มีอาการแพ้ เมื่อกลับบ้าน ควรมีผู้ดูแลหลังฉีดวัคซีนต่ออีก 2 วัน

ทั้งนี้ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถรับการฉีดได้ทุกปี เพราะสายพันธุ์ของเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่เปลี่ยนแปลงได้ทุกปี จึงต้องสร้างภูมิคุ้มกัน และวัคซีนเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการป้องกันโรคและเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรได้รับการฉีดวัคซีนทุกคน ซึ่งสามารถไปรับบริการฉีดวัคซีนดังกล่าวได้ฟรีตั้งแต่ วันนี้-31 กรกฎาคม 2558 ณ สถานบริการสาธารณสุขของรัฐใกล้บ้าน

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก