พม.จัดโครงการอบรม Training for the Anti – Trafficking Hotline ระหว่างวันที่ 2-5 มิ.ย. 58 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้ความช่วยเหลือปัญหาสังคมและปัญหาการค้ามนุษย์ หวังเสริมศักยภาพสายด่วน 1300 รับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนที่เปิดไปก่อนหน้านี้ ติดตามรายละเอียดได้จากรานงานพิเศษค่ะ

สายด่วน 1300 เป็นกลไกรับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชน ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเป็นช่องทางที่เปิดให้ประชาชนผู้ประสบปัญหาสังคมและปัญหาการค้ามนุษย์ เข้าถึงการให้บริการและการช่วยเหลือของรัฐและของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประสบปัญหาการค้ามนุษย์เป็นเรื่องที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคมให้ความสำคัญและตระหนักว่าจำเป็นต้องมีกระบวนการทำงานที่เป็นมาตรฐานตามหลักสากล ล่าสุด กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้จัดโครงการอบรม Training for the Anti – Trafficking Hotline ขึ้น ระหว่างวันที่ 2- 5 มิ.ย. 58 เป็นความร่วมมือกันระหว่างศูนย์ช่วยเหลือสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และองค์การโพลาริส โปรเจค (Polaris Project) ประเทศสหรัฐอเมริกา มีเจ้าหน้าที่สายด่วนทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม เช่น สายด่วน 1300 / สายด่วนเพื่อผู้ใช้แรงงาน 1546 / สายด่วน DSI 1202 / สายด่วน ปคม. 1191 / สายด่วนรับแจ้งคนหาย 1599 และมูลนิธิสายเด็ก สายด่วน 1387 นางสาวแรมรุ้ง สุบรรณเสนีย์ ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือสังคม กล่าวถึงจุดประสงค์ของการจัดอบรมครั้งนี้ว่า เป็นหลักสูตรเพื่อพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่สายด่วน 1300 และสายด่วนอื่นๆ ในประเทศไทย ที่เป็นเครือข่ายที่มีหน้าที่รับแจ้งเหตุ เบาะแส และให้การช่วยเหลือคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และเพื่อเป็นการวางรากฐานสำหรับการติดต่อเชื่อมโยงระหว่างกันในระยะยาว รวมทั้งการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ ระดับชาติในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ในระดับทวิภาคี เพื่อประสานส่งต่อการช่วยเหลือระหว่างประเทศ โดยหวังให้สายด่วนต่างๆ เหล่านี้ เป็นศูนย์บริการข้อมูลการค้ามนุษย์แห่งชาติ เป็นสายด่วนที่เชื่อมต่อผู้ที่ตกเป็นผู้เสียหายของการค้ามนุษย์ รวมถึงการช่วยเหลือเยียวยาจิตใจในภาวะวิกฤต ให้คำปรึกษาอย่างครอบคลุมโดยผู้เชี่ยวชาญ อำนวยการฝึกอบรมและให้การช่วยเหลือทางเทคนิคให้กับหน่วยงานด้านสายด่วน และองค์กรอื่นๆ ทั่วโลก นับได้ว่า การอบรมครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการบูรณาการระบบช่วยเหลือ คุ้มครองช่วยเหลือ และการประสานส่งต่อผู้ประสบปัญหา ตลอดจนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ภายใต้กรอบสิทธิมนุษยชนและหลักความเป็นธรรม และนับเป็นอีกมิติของความร่วมมือระดับประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ต่อไป