สายการบินต้นทุนต่ำที่ที่เปิดตัวในช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมาในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ส่งผลให้การท่องเที่ยวโลกเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งองค์การท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) คาดการณ์นับจากนี้การท่องเที่ยวโลกจะเติบโตเฉลี่ยร้อยละ ๕ ต่อปี ขณะที่ภูมิภาคเอเซียและอาเซียนเติบโตเฉลี่ย ร้อยละ ๖ – ๗ ในขณะที่ความต้องการนักบินสำหรับธุรกิจการบินก็มีปริมาณเพิ่มขึ้น

นายสนอง มิ่งเจริญ นายกสมาคมนักบินไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสามารถเป็นศูนย์กลางการผลิตนักบินในภูมิภาคอาเซียน โดยส่งออกนักบินไปยังประเทศต่าง ๆ รวมถึงการเป็นสถานที่ฝึกหัดอบรมนักบิน เพราะความพร้อมด้านบุคลากร ศูนย์ฝึก และสถาบันการเรียนการสอนในระดับมหาวิทยาลัยที่เปิดหลักสูตรสอนตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจำนวนเพิ่มขึ้น

ความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ ทำเลที่ตั้ง ถือเป็นจุดเด่น ทำให้ไทยเป็นเส้นทางบินสำคัญ ดังนั้น รัฐบาลควรมีมาตรการส่งเสริมอาชีพนักบินอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ไทยเป็นส่วนหนึ่งในการส่งออกนักบินไทยไปทำงานกับสายการบินต่างประเทศ สร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับประเทศ ซึ่งนายสนองเห็นว่า มาตรการที่รัฐควรให้การสนับสนุน เช่น ผู้ที่สนใจเรียนและมีศักยภาพเป็นนักบินสามารถขอทุนเพื่อการศึกษาเพราะหลักสูตรดังกล่าวลงทุนราว ๒-๔ ล้านบาท

สำหรับ พลอ.อ. อนิรุท กิตติรัต ผู้อำนวยการโรงเรียนการบินเอเชีย เอวิเอชั่น อะคาเดมี่ กล่าวว่า ไทยสามารถเป็นฮับการบินในเอเซียได้ เพราะมีความพร้อมทุกด้าน และเป็นผู้นำในเรื่องนี้ ประเทศเพื่อนบ้านส่งนักบินมาอบรมจำนวนมากในแต่ละปี ขณะที่สิงคโปร์ถือเป็นคู่แข่งแต่จำนวนประชากรและความพร้อมด้านสถานที่ฝึกสอนของไทยจะผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำและส่งออกนักบินได้เป็นผลสำเร็จในอีก ๕ ปีข้างหน้า

ในอีก ๒๐ ปีข้างหน้า พบว่าทั่วโลกมีความต้องการนักบินราว ๕-๗ แสนคน ซึ่งเป็นความต้องการในเอเซียประมาณ ๒-๓ แสนคน ขณะที่ปัจจุบันไทยผลิตนักบินออกสู่คลาดได้เพียง ๔๐๐ คนต่อปี โดยมีโรงเรียนการบินและสถาบันการศึกษาเปิดสอน ๖ แห่ง ได้แก่ (๑) วิทยาลัยการบินนานาชาติ มหาวิทยาลัยนครพนม (๒) มหาวิทยาลัยรังสิต (๓) โรงเรียนการบินกรุงเทพ (๔) สถาบันการบินพลเรือน (๕) โรงเรียนการบินเอเชีย เอวิเอชั่น อะคาเดมี่ และ(๖) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง