ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

"สปช." รับทราบรายงานกมธ.ปฏิรูปกฎหมาย

วันที่ลงข่าว: 25/03/15

  เมื่อวันที่ 24 มี.ค.เวลา 10.00น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยมีนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณารายงานการศึกษาเรื่องการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ของคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สปช. โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกมธ.ฯ กล่าวว่า  การปฏิรูปการจัดทำกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การปรับปรุงและการยกร่างกฎหมายนั้น ยังมีกระบวนการที่ใช้เวลานาน ซับซ้อนและมีขั้นตอนมาก รวมถึงยังขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย จึงควรมีการปฏิรูปกระบวนการตรากฎหมายและปรับปรุงกฎหมายปัจจุบัน คือ พ.ร.บ.คณะกรรมการกฤษฎีกา และพ.ร.บ.คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายในการแบ่งอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับร่างกฎหมายที่สามารถทำให้ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการของประชาชนและสังคมโดยรวม และปรับปรุงให้สอดคล้องกับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนโดยใช้หลักต่างตอบแทน  

 

  นอกจากนี้ การจัดทำและปรับปรุงกฎหมายด้านการจัดการประชากรในสถานการณ์ปัจจุบันให้สอดคล้องพันธกิจระหว่างประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกฎหมาย 5 ฉบับ คือ พ.ร.บ.การะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508พ.ร.บ.ชื่อบุคคล พ.ศ.2502 พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และพ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนในประเทศ และทำให้ประเทศไทยไม่ถูกลดระดับตามมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ซึ่งคาดว่าจะยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เสร็จภายในเดือนมิ.ย. 58

 

  นายเสรี กล่าวต่อว่า การปฏิรูปองค์กรและกระบวนการยุติธรรมก่อนชั้นศาล ได้ศึกษาการปฏิรูปองค์กรอัยการ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ทนายความ และหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม เสนอปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ยกเลิกกฎหมาย หรือร่างกฎหมายใหม่ ขององค์กรดังกล่าว เนื่องจากระบบสอบสวนที่แยกส่วนระหว่างพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการ ทำให้การสอบสวนไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยเฉพาะในคดีที่มีความซับซ้อน นอกจากนี้ ยังไม่มีความชัดเจนทางกฎหมาย ในการเพิ่มอำนาจหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานอัยการ ให้มีอำนาจในการลดปัญหาและยุติปัญหาทางคดีความก่อนนำคดีไปสู่ศาล รวมทั้งมีการฟ้องคดีอาญาต่อศาลมากเกินไป ทำให้คดีค้างพิจารณาจำนวนมาก จึงต้องมีการปฏิรูปกระบวนการสอบสวนในคดีสำคัญ โดยให้พนักงานอัยการเข้าร่วมในการสอบสวนกับพนักงานสอบสวน และการเข้าสอบสวนคดีตามที่กฎหมายให้อำนาจพนักงานอัยการ ปฏิรูปกระบวนการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวน ชั้นพนักงานอัยการ และชั้นศาลให้สามารถใช้หลักประกันเดียวกันได้ตลอดทั้งคดี ปฏิรูปมาตรการทดแทนการสั่งฟ้องคดี เช่น การไกล่เกลี่ย การชะลอการฟ้องเพื่อลดปริมาณคดีสู่ศาล รวมถึงการปฏิรูปโครงสร้างองค์กรอัยการและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งการปฏิรูปครั้งจะช่วยลดปริมาณคดีที่จะขึ้นสู่ศาล ทำให้ศาลสามารถตัดสินคดีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น คนจนเข้าถึงความยุติธรรมได้มากขึ้น และขจัดปรากฏการณ์ความยุติธรรม 2 มาตรฐานทำให้ฐานะทางการเงินไม่เป็นอุปสรรคต่อการแสวงหาความยุติธรรม ดังนั้นเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์จะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือก.ค.58

 

  นายเสรี กล่าวต่อว่า ในส่าวนการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล ได้เสนอปรับปรุงแก้ไขกฎหมายยกเลิกกฎหมายหรือร่างกฎหมายใหม่ขององค์กรศาล และงานที่เกี่ยวเนื่องร่วมทั้งพิจารณาสภาพปัญหาและข้อเสนอแนะของการปฏิรูปงานศาล เพื่อให้การปฏิบัติงานขององค์กรศาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและอำนวยความยุติธรรมแก้ประชาชนอย่างอิสระ ปราศจากการแทรกแซง รวมถึงให้มีการตรวจสอบคำสั่งและคำพิพากษาให้ถึงที่สุด และเห็นว่าควรมีมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษมากขึ้นหกว่าที่มีอยู่ในกฎหมายปัจจุบันโดยคำนึงถึงผู้กระทำผิดที่เป็นผู้หญิง ตามหลักการของข้อกำหนดกรุงเทพฯ และควรจัดตั้งศาลชำนาญพิเศษเฉพาะทางเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และประสบการณ์ผู้พิพากษา ตุลาการ ให้มีความเชี่ยวชาญชำนาญคดีเฉพาะด้าน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน ซึ่งจะต้องมีการยกร่างแก้ไขกฎหมายที่เพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เสร็จภายในเดือนมิ.ย. 58

 

  นายเสรี กล่าวอีกว่า การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในองค์กรอิสระ เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.)ผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ป้องกันการทำงานที่ล่าช้าและซ้ำซ้อนระหว่างองค์กรจึงต้องมีการปฏิรูปกระบวนการสรรหา โครงสร้าง อำนาจหน้าที่ และการบริหารงานบุคคลในองค์กร รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งข้อเสนอและแนวทางการปฏิรูปทั้งหมดเสนอต่อสปช.ให้พิจารณาปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้สมบูรณ์ต่อไป

 

  หลังเปิดให้สมาชิกแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางแล้ว นายเทียนฉาย ได้แจ้งว่า การพิจารณาในวันนี้ถือว่าสมาชิกได้รับทราบรายงานของกมธ.ฯ ชุดนี้แล้ว ทางกมธ.ฯ จะรวบรวมความเห็น ข้อแนะสปช.นำไปเป็นแนวทางปรับปรุง ทบทาวนการดำเนินการแล้วนำกลับมาพิจารณาในที่ประชุมสปช.อีกครั้งสิ้นเดือนพ.ค.

 

 

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์บ้านเมิองออนไลน์ วันที่ 24 มีนาคม 2558
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก