ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

มธ.ชูนโยบาย3+1+นมหา’ลัยติดท็อปไฟว์อาเซียน

วันที่ลงข่าว: 25/02/15

“สมคิด” เปิดนโยบาย 3+1 ควบคู่ 6 ยุทธศาสตร์ ดันมหา’ลัยติดอันดับ 1 ใน 5 อาเซียน มุ่งปรับการสอนเป็นแบบแอกทีฟเลินนิ่ง ปลื้มงานวิจัยได้รับตีพิมพ์ในต่างประเทศ และนำไปใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น

วันนี้ (24 ก.พ.)ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มธ. แถลงนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อน มธ. ปี2558-2560 ว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตนได้พยายามขับเคลื่อน มธ.ให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศในเชิงวิชาการ โดยมีนโยบายหลัก 3 ด้าน ได้แก่การวิจัย ความเป็นนานาชาติ และมหาวิทยาลัยเพื่อประชาชน ซึ่งในการวิจัย พบว่าผลงานวิชาการได้รับการตีพิมพ์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากเดิม 797 เป็น 1,054 ผลงานนอกจากนี้ยังมีผลงานวิจัย และสิ่งประดิษฐ์ที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น จากเดิม171 เป็น 315 ผลงาน ส่วนด้านความเป็นนานาชาติ ได้มอบนโยบายแก่ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ให้มีการลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียน ต้องมีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอันดับ 1-3 ของแต่ละประเทศเพราะอาเซียนคืออนาคตของประเทศไทย และทั่วโลก ขณะที่ด้านมหาวิทยาลัยเพื่อประชาชนนั้นได้พยายามผลักดันวิชาความเป็นพลเมือง ทียู 100 ซึ่งนักศึกษาทุกคนต้องเรียนเพื่อให้รู้จักรับผิดชอบ และทำประโยชน์ให้สังคมด้วย

 

"3 ปีต่อจากนี้มหาวิทยาลัยมีเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ 1 ใน 5 ของอาเซียนและผลิตบัณฑิตให้เป็นผู้นำแห่งศตวรรษที่ 21 โดยมหาวิทยาลัยจะดำเนินนโยบาย 3+1ซึ่งจะยึด 3 นโยบายเดิม ได้แก่ งานวิจัย ความเป็นนานาชาติ มหาวิทยาลัยเพื่อประชาชนและจะเพิ่ม 1 นโยบายใหม่ คือ การปรับปรุงการเรียนการสอนของ มธ.โดยทุกคณะต้องจัดการสอนแบบแอกทีฟเลินนิ่ง เพื่อมุ่งให้นักศึกษาเรียนจากประเด็นปัญหาจริงลงมือทำโครงการ และค้นคว้าวิจัยหาความรู้ด้วยตนเอง โดยเน้นนักศึกษาเป็นศูนย์กลางมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน ไม่ใช่ครูยืนสอนหน้าชั้นเรียนอย่างที่ผ่านมา" ศ.ดร.สมคิด กล่าวและว่า นโยบาย 3+1จะดำเนินการควบคู่กับ 6 ยุทธศาสตร์ คือ 1.การจัดการศึกษาที่ได้มาตรฐานสากล 2.ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ 3.สังคมได้รับองค์ความรู้จากงานวิจัยที่มีคุณภาพ 4.พลิกฟื้นบทบาทในการชี้นำสังคม 5.ปลูกฝังจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ และ 6.ความเป็นเลิศในการบริหารภายใต้หลักธรรมาภิบาล

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์เดลินวส์ออนไลน์ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก