นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่พระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ....ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยกำลังเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไธยนั้น นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่วงการกีฬาของเมืองไทยจะได้รับเงินสนับสนุนจากการเรียกเก็บภาษีสุรา และยาสูบของกรมสรรพสามิต หรือที่เรียกกันว่า "ภาษีบาป" เป็นจำนวนเงินร้อยละ 2 ต่อปีหรือประมาณ 3,700-4,000 ล้านบาท ซึ่งเงินก้อนดังกล่าวจะสนับสนุนผ่านกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยมี "บิ๊กเจี๊ยบ" พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยในส่วนที่ตนดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย มีความเห็นว่า อยากจะเสนอให้รัฐบาลทบทวนหลักเกณฑ์การสนับสนุนเงินรางวัลให้กับนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทยในมหกรรมการแข่งขันทั้งอาเซียนพาราเกมส์, เอเชี่ยนพาราเกมส์ และพาราลิมปิกเกมส์ ให้เทียบเท่ากับนักกีฬาปกติ

นายจุตินันท์กล่าวต่อว่า ประเด็นดังกล่าวตนได้พยายามผลักดันมานานแล้วเพื่อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญของนักกีฬาคนพิการ และความเท่าเทียมกันในสังคมเพราะหลักเกณฑ์ปัจจุบันนักกีฬาคนพิการไม่ได้รับเงินรางวัลจากการเป็นตัวแทนนักกีฬาทีมชาติไทยเทียบเท่ากับนักกีฬาปกติ ซึ่งหากทุกฝ่ายอยากให้เกิดความเสมอภาคกันควรปรับหลักเกณฑ์เงินรางวัลให้เท่ากัน

อนึ่งหลักเกณฑ์กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติปัจจุบันสนับนุนเงินรางวัลนักกีฬาคนพิการในอาเซียนพาราเกมส์ ทอง 50,000 บาท เงิน 30,000 บาท ทองแดง 15,000 บาท ส่วนในซีเกมส์ นักกีฬาปกติได้รับ ทอง 200,000 บาท เงิน 100,000 บาท ทองแดง 50,000 บาท / เอเชี่ยนพาราเกมส์ นักกีฬาคนพิการ ทอง 500,000 บาท เงิน 300,000 ทองแดง 150,000 บาท ส่วนในเอเชี่ยนเกมส์ นักกีฬาปกติได้รับ ทอง 1,000,000 บาท เงิน 500,000 บาท ทองแดง 200,000 บาท / พาราลิมปิกเกมส์ นักกีฬาคนพิการได้รับ ทอง 4,000,000 บาท เงิน 2,000,000 บาท ทองแดง 1,000,000 บาท ส่วนในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ นักกีฬาปกติได้รับ ทอง 10,000,000 บาท เงิน 6,000,000 บาท ทองแดง 4,000,000 บาท