ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ศธ.เร่งร่างยุทธศาสตร์พัฒนาผู้เรียน รับมือรวมกลุ่มอาเซียนปี ๕๘

วันที่ลงข่าว: 29/01/15

ศธ. เร่งยกร่างยุทธศาสตร์อาเซียน รับมือหลังรวมตัวกับกลุ่มอาเซียนเต็มตัวหลังปี ๕๘ โดยให้อิงกับกรอบความร่วมมือด้านการศึกษา ๘ ประเด็นที่กลุ่ม รมต.ศึกษาอาเซียนให้การรับรอง ยุทธศาสตร์ฉบับสมบูรณ์จะเสร็จเดือนธันวาคม ศกนี้

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการเตรียมความพร้อมผู้เรียนเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของทั้ง ๕ องค์กรหลัก ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งพบว่าแต่ละองค์กรหลักมีการแผนการทำงานเพื่อพัฒนาผู้เรียนของตนเองให้มีความรู้ทักษะที่ข้องกับอาเซียน อาทิ ภาษาอาเซียน ภาษาอังกฤษ ซึ่งจะเป็นภาษากลางที่ใช้ในการสื่อสาร เป็นต้น

ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการดำเนินการในปี ๒๕๕๘ และภายหลังปี ๒๕๕๘ ซึ่งไทยได้เข้าร่วมประชาคมอาเซียนแล้ว จำเป็นต้องกำหนดแผนการทำงานที่เข้มข้นขึ้น จึงมีมติให้ยกร่าง ยุทธศาสตร์อาเซียนของ ศธ. เพื่อใช้เป็นแนวทางขับเคลื่อน รวมทั้งจะตั้งคณะทำงาน ๒ ชุด ได้แก่ คณะทำงานเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการด้านอาเซียนของ ศธ. และคณะทำงานเพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์อาเซียนของ ศธ. ด้วย

พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับร่างยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับกรอบดำเนินความร่วมด้านการศึกษาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจาหลังปี ๒๕๕๘ หรือ Key element on Education ซึ่งที่ประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียน ให้การรับรองเมื่อครั้งจัดประชุมที่ สปป.ลาว เมื่อวันที่ ๑๑ – ๑๒ กันยายน ที่ผ่านมา ประกอบด้วย ๘ ประเด็น คือ 

๑. ส่งเสริมให้เกิดความตระหนักรู้เกี่ยวกับอาเซียนผ่านการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และความรู้พื้นเมือง 

๒. ยกระดับคุณภาพและสร้างโอกาสการเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับทุกคนโดยไม่ละเลยผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส 

๓. การพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 

๔. การสนับสนุนการพัฒนาอาชีวศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิตในภูมิภาค 

๕. การส่งเสริมการดำเนินการของทุกภาคส่วนในการพัฒนาคนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายายของการจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 

๖. การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการอุดมศึกษาด้วยการพัฒนาระบบประกันคุณภาพทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ 

๗. การส่งเสริมบทบาทของอุดมศึกษาให้เข้มแข็งด้วยการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการกับมหาวิทยาลัย และ 

๘. การจัดโครงการพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา 

ทั้งนี้ คาดว่า ร่างยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าวจะเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้ จากนั้นตนจะเสนอให้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาและขอความเห็นชอบเพื่อใช้ดำเนินการต่อไป

 

ที่มาของข่าว www.dlfeschool.in.th/ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก