ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ไทยเร่งพัฒนาทักษะแรงงานทั้งการศึกษาและฝึกอบรมรับเออีซี

วันที่ลงข่าว: 29/01/15

ประเทศไทยได้พัฒนาด้านฝีมือแรงงานมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นกลุ่มที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเพื่อเตรียมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปี ๒๕๕๘

ในด้านการศึกษา ได้แก่ การพัฒนาหลักสูตรอาชีวศึกษาเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาชีวศึกษาอาเซียน การจัดทำหลักสูตรร่วมกับประเทศซีแอลเอ็มวี การแลกเปลี่ยนนักศึกษาฝึกวิชาชีพในต่างประเทศ การวางแผนผลิตกำลังคนร่วมกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ความร่วมมือกับภาคธุรกิจให้นักศึกษาเข้าไปฝึกทำงานในสถานประกอบการ เพื่อให้ได้คุณภาพตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ฯลฯ

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า ได้ลงนามความร่วมมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร) เพื่อบูรณาการระบบอาชีวศึกษาและการพัฒนาฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกัน โดยจะเปิดให้แรงงานที่มีทักษะฝีมือที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานระดับต่าง ๆ จาก กพร มาเทียบวุฒิการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช) และประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ปวส) ได้ รวมทั้งจะดำเนินการให้นักศึกษาอาชีวศึกษา เข้ารับการทดสอบเพื่อได้การรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงาน ซึ่งจะทำให้นักศึกษาได้รับทั้งวุฒิการศึกษาและวุฒิสำหรับทำงานพร้อมกัน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการคุรุสภามีมติให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ) รับบุคคลที่ไม่ได้จบสาขาวิชาชีพครูเข้าเป็นข้าราชการครูได้ในสาขาที่ขาดแคลนครูผู้สอน และต้องเป็นสาขาที่ไม่มีการเปิดสอนในคณะครุศาสตร์และคณะศึกษาศาสตร์ จำนวน ๘๖ สาขา เช่น ช่างอุตสาหกรรม ไฟฟ้า แมคคาทรอนิกส์ ช่างยนต์ โลจิสติกส์ ฯลฯ คุรุสภาจะออกหนังสืออนุญาตให้ปฏิบัติการสอนโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูเป็นระยะเวลา ๙๐ วัน เพื่อให้สามารถสมัครสอบบรรจุเป็นข้าราชการครู สอศ.ได้

จากการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียนครั้งที่ ๑๐ ที่ประเทศเวียดนาม เมื่อปลายเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา มีการแข่งขันทั้งหมด ๒๕ สาขา ประเทศไทยส่งตัวแทนไปร่วม ๒๑ สาขา โดยได้รางวัล ๗ เหรียญทอง (จาก ๖สาขา) ๑ เหรียญเงิน ๕ เหรียญทองแดง และได้รับประกาศนียบัตรอีก ๑๒ คน

สาขาที่เยาวชนไทยได้รับเหรียญทอง ได้แก่ สาขาแมคคาทรอนิกส์ แต่งผม ปูกระเบื้อง บริการอาหารและเครื่องดี่ม เทคโนโลยีช่างเชื่อม เขียนแบบและออกแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ โดยไทยอยู่ในอันดับที่ ๕ รองจากเวียดนามในอันดับหนึ่ง ได้ ๑๕ เหรียญทอง ๖ เหรียญเงิน และ ๖ เหรียญทองแดง อันดับ ๒ มาเลเซีย ได้ ๙ เหรียญทอง ๔ เหรียญเงิน และ ๔ เหรียญทองแดง อันดับ ๓ คือ อินโดนีเซีย อันดับ ๔ สิงคโปร์ และไทยอยู่อันดับที่ ๕

 

ที่มาของข่าว www.dlfeschool.in.th/ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก