ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

งบประมาณอาเซียนของไทยปี ๒๕๕๘ ให้การศึกษามากอันดับ ๑

วันที่ลงข่าว: 29/01/15

งบประมาณอาเซียนปี ๒๕๕๘ กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงแรงงานได้รับงบประมาณอันดับต้น เน้นนโยบายพัฒนากำลังคนและแรงงานในปีสุดท้ายก่อนก้าวสู่ประชาคมอาเซียน โดยงบประมาณลดลงไปเกือบ ๒,๐๐๐ ล้านบาทเมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๗

งบประมาณอาเซียนปี ๒๕๕๘ รวมกันประมาณ ๖,๐๔๐.๕๔ ล้านบาท ลดลงจากปี ๒๕๕๗ ซึ่งอยู่ที่ ๗,๙๘๓.๑๖ ล้านบาท สาเหตุเนื่องจากบางกระทรวงไม่ได้ตั้งงบประมาณอาเซียนมาเพื่อดำเนินโครงการต่อเนื่องในปี ๒๕๕๘ เช่น กระทรวงมหาดไทย เคยได้รับ ๗๕๔.๙๙ ล้านบาทและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เคยได้รับ ๒๑๘.๔๖ ล้านบาท ในปี ๒๕๕๗ จึงทำให้ไม่มีงบประมาณอาเซียนในปี ๒๕๕๘

๕ กระทรวงที่ได้รับงบประมาณสูงสุดในปีงบประมาณนี้ได้แก่กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับ ๑,๘๙๐.๔๓ ล้านบาท อันดับ ๒ กระทรวงแรงงาน ๖๗๙.๑๘ ล้านบาท โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้รับเพิ่มกว่า ๖๐ ล้านบาท อันดับ ๓ กระทรวงสาธารณสุข ได้รับ ๔๘๖.๖๗ ล้านบาท โดยกรมการแพทย์ได้รับเพิ่มขึ้นเกือบ ๗๐ ล้านบาท อันดับ ๔ สำนักนายกรัฐมนตรี โดยหน่วยงานที่ได้รับเพิ่มคือสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้เพิ่มเกือบ ๑๕๐ ล้านบาท และอันดับ ๕ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับ ๓๖๑.๙ ล้านบาท

ถ้ามองจากกระทรวงที่ได้รับงบอาเซียนเพิ่มจากปีงบประมาณ ๒๕๕๗ สูงสูด ๕ อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงการคลังโดยเฉพาะกรมศุลกากรได้รับ ๒๘๖.๔๔ ล้านบาท เนื่องจากเป็นหน่วยงานกลางที่ต้องดูแลเรื่องระบบศุลกากรเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ทั้งในระดับประเทศ (National Single Window) และเชื่อมโยงกับอาเซียน (ASEAN Single Window) อันดับ ๒ กระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา ได้รับเพิ่ม ๙๓.๑๖ ล้านบาท อันดับ ๓ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้เพิ่ม ๖๘ ล้านบาท อันดับ ๔ กระทรวงแรงงานได้รับเพิ่ม ๕๖ ล้านบาท และอันดับ ๕ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เพิ่ม ๕๓ ล้านบาท

ภาพรวมการจัดงบประมาณอาเซียนปีนี้ วิเคราะห์ได้ว่า ภาครัฐให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคนในระบบการศึกษาโดยกระทรวงศึกษาธิการรับผิดชอบ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มการพัฒนากำลังแรงงานของประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ดีภาพรวมงบประมาณที่ลดลงจนไม่มีเลยในบางหน่วยงาน เช่น กระทรวงมหาดไทย สะท้อนถึงจุดอ่อนการเตรียมความพร้อมป้องกันผลกระทบระดับชุมชน

ที่มาของข่าว www.dlfeschool.in.th/ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๗
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก