ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

กระทรวงแรงงานเน้นแรงงานไทยเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษ เทคโนโลยีและวิชาชีพ

วันที่ลงข่าว: 29/01/15

ต้นทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ที่ประกอบด้วยแรงงานที่มีฝีมือและมีคุณภาพจะเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของภูมิภาคอาเซียนเมื่อก้าวสู่ความเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังจะมาถึง ที่จะทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นตลาดและฐานการผลิตร่วมที่จะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเสรี

นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าวในโอกาสเปิดกิจกรรม Wake up Worker ปลุกพลังในตัวคุณสู่อาเซียนเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า นับจากนี้ไปจนถึงปี ๒๕๕๘ ที่ประตูอาเซียนจะเปิดกว้างอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องทบทวน ตรวจสอบ และเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะความพร้อมในเชิงศักยภาพของคนทำงาน และผู้ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ตลาดงาน ตลอดจนผู้ประกอบการว่าจะมีความพร้อมเพียงใด สู่การเป็น “คนทำงาน”ของอาเซียน

ปลัดกระทรวงแรงงานระบุว่า คุณลักษณะที่หลากหลายที่สำคัญต่อศักยภาพสำหรับคนทำงานของอาเซียน คือมีความรู้ ที่ประกอบด้วยทักษะ ๓ ด้านคือ ทักษะด้านภาษาโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษากลางของอาเซียน ทักษะทางเทคโนโลยีการสื่อสาร พัฒนาตนเองให้มีความสามารถใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ทุกรูปแบบ และทักษะฝีมือในสาขาอาชีพหรือวิชาชีพที่ดำรงอยู่ นอกจากนี้ คุณลักษณะอื่น ๆ เช่น มีวิธีคิดที่เป็นสากล ตลอดจนมีทักษะการทำงานข้ามวัฒนธรรมและความหลากหลายเพื่อให้สามารถปรับตัว บริหารจัดการ และรับมือกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี

ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าวเพิ่มเติมถึงในส่วนของกระทรวงแรงงาน ได้ดำเนินภารกิจสำคัญหลายด้านเพื่อเตรียมความพร้อมคนทำงานเข้าสู่ความเป็นคนทำงานของอาเซียนทีเพียบพร้อม อาทิ การอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายแรงงาน การพัฒนาระบบรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานรองรับประชาคมอาเซียน การเพิ่มผลิตภาพกำลังแรงงานไทยให้ได้มาตรฐานสมรรถนะด้านภาษาและวัฒนธรรม รวมทั้งคอมพิวเตอร์และการบริการจัดการ การพัฒนาบุคลากรวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน การจัดตั้งศูนย์อบรมเทคโนโลยีขั้นสูง การปรับปรุงมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศให้สอดคล้องกับการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมของกลุ่มประเทศอาเซียน เป็นต้น

หลายฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ความพร้อมคือการเตรียมตัวเองด้วยการให้โอกาสตัวเอง ปรับทัศนคติ เปิดกว้าง พร้อมเรียนรู้ ที่จะเผชิญความท้าทาย ขณะที่ต้องเร่งพัฒนาฝีมือ ทักษะภาษา เทคโนโลยี และทักษะการบริหารจัดการ

ที่มาของข่าว www.dlfeschool.in.th/ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๗
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก