ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ไทยช่วยพัฒนาแรงงานลาวรองรับธุรกิจเออีซี

วันที่ลงข่าว: 29/01/15

ไทยจำเป็นและกำลังเร่งพัฒนาทักษะให้แก่แรงงานลาว พม่า กัมพูชา รวมถึงไทย ในสาขาต่าง ๆ เพื่อความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

นายธีรพล ขุนเมือง ผู้ตรวจราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร) กล่าวว่า“ในอนาคตไทยจะมีการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ดังนั้น เราจึงต้องพัฒนาทั้งแรงงานของเรา และช่วยพัฒนาแรงงานของเพื่อนบ้านไปพร้อมกัน”

สำหรับปีงบประมาณ ๒๕๕๗ กรมมีงบประมาณช่วยพัฒนาฝีมือแรงงานประเทศเพื่อนบ้านผ่านสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติเชียงแสน จำนวน ๘ ล้านบาท หฯงในประเทศเป้าหมายคือลาว โดยกรมตั้งเป้าฝึกแรงงานในลาว ๖๐๐ คน ครูฝึกชาวลาวอีก ๔๐๐ คน รวม ๑,๐๐๐ คน ในวันที่ ๒๓ – ๒๗ มิถุนายน นี้ และจะเข้าไปช่วยพัฒนาทักษะการบริหารหลักสูตร ๓๐ ชั่วโมง แก่แรงงานในร้านอาหารของนักลงทุนไทยในลาว

นายธีรพลฯ กล่าวเสริมว่า ในส่วนของลาว ต้องการให้ไทยเข้าไปช่วยพัฒนาแรงงานในภาคบริการและการโรงแรม รองรับการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องการให้ช่วยเข้ามาพัฒนาคนในด้านทักษะภาษาอังกฤษและภาษาอาเซียนด้วย

นายสุเทพ ผดุง ที่ปรึกษาร้านอาหารครัวไทย ในแขวงหลวงน้ำทาของลาวบอกว่า การทำร้านอาหารในแขวงดังกล่าวค่อนข้างลำบากเนื่องจากแรงงานในพื้นที่แทบไม่เคยมีทักษะการบริการในร้านอาหารและยังมีนิสัยขี้อาย

“ปัจจุบันยังต้องนำคนไทยมาเป็นเชฟในร้าน ๓ -๔ คน เพราะยังไม่มีคนลาวที่สามารถทำงานเชฟได้ ขณะนี้แรงงานในลาวที่ร้านสาขาแรกมี ๒๘ คน สาขา ๒ อีก ๑๒ คน รวม ๔๐ คน ซึ่งร้านได้ค่อย ๆ พัฒนาไปเอง”

นายสุเทพ ฯ ต้องการให้ กพร เข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เข้ามาลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง สร้างงานในท้องถิ่น และเอื้อต่อการลงทุนของภาคเอกชนไทย

นายตงลี่ เยี่ยเส็ง ประธานสภาการค้าและอุตสาหกรรมแขวงหลวงน้ำทา เปิดเผยว่า ขณะนี้แขวงหลวงน้ำทาขาดแคลนแรงงานทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ทั้งภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และบริการ ซึ่งเป็นอุปสรรคหลักอย่างหนึ่งในภาวะที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต แม้ว่าสภาได้พยายามแก้ปัญหาด้วยการเข้าไปช่วยพัฒนาบุคลากรภาคส่วนต่าง ๆ แล้ว แต่บุคลากรที่เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอาชีพก็มีไม่เพียงพอ จึงต้องการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐของไทยในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

หลังจากนี้ รัฐบาลลาวและสภาจะส่งเสริมแขวงหลวงน้ำทาในอุตสาหกรรม ๒ กลุ่ม ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อรองรับการคมนาคมที่จะสะดวกขึ้นระหว่างแขวงและประเทศเพื่อนบ้าน

ที่มาของข่าว www.dlfeschool.in.th/ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๗
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก