ไทยและเวียดนามได้กระชับความร่วมมือด้านอาชีวศึกษามากขึ้น จากปัจจุบันมีการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างสถานศึกษา โดยต่อไปจะมีการแลกเปลี่ยนบุคลากรในระดับรัฐต่อรัฐ การเทียบเคียงหลักสูตร วุฒิการศึกษา การโอนหน่วยกิต ซึ่งทำให้ผู้จบอาชีวะสามสารถไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านได้

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่าได้ตั้งศูนย์อาชีวศึกษาไทย-เวียดนาม เพื่อพัฒนาการจัดการศึกษาร่วมกัน และสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส) คู่ขนานไปด้วยกัน รวมทั้งอบรมสอนอาชีพระยะสั้นด้านภาษาไทย และวิชาชีพอื่น ๆ เช่น ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ช่างซ่อมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และทำอาหารไทย

เริ่มนำร่องจากการแลกเปลี่ยนนักศึกษาวิทยาลัยอุตสาหกรรมเว้ และวิทยาลัยอาชีวศึกษากวางตรี ประเทศเวียดนามกับวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหารและวิทยาลัยอาชีวศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีพื้นที่ชายแดน เช่น จังหวัดมุกดาหาร นครพนม หนองคาย และสกลนคร โดยจะเริ่มใน ๓ สาขา คือ ช่างยนต์ ไฟฟ้ากำลัง และคอมพิวเตอร์ ในอนาคตจะเพิ่มความร่วมมือกับประเทศกัมพูชาจากปัจจุบันไทยร่วมมือกับเวียดนามและลาว นายชัยพฤกษ์กล่าว

นอกจากนี้ วิทยาลัยอาชีวศึกษาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยยังได้ส่งนักศึกษาและครูไปอบรมวิชาชีพระยะสั้นให้คนเวียดนาม เช่น การสอนภาษาไทย การทำอาหารไทย เช่น ต้มยำกุ้ง ผัดไทย และลูกชุบ และการสอนวิธีบริหารจัดการ รวมทั้งการเปิดศูนย์ซ่อม (Fit it Center) เพื่อบริการซ่อมรถจักรยานยนต์ให้ฟรี ซึ่งคนเวียดนามให้ความสนใจจำนวนมาก

นายกาฟ ชุน มิน รองผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีวศึกษากวางตรี กล่าวว่าวิทยาลัยเป็นแหล่งผลิตบุคลากรสายช่างใหญ่ที่สุดในเมืองกวางตรี มีเป้าหมายป้อนช่างเทคนิคสำหรับตลาดแรงงานในประเทศ รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะช่างซ่อมจักรยานยนต์ ซึ่งวิทยาลัยนี้ผลิตบุคลากรสายช่างได้ปีละ ๕๐๐ คน ในขณะที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาทั่วประเทศสามารถผลิตได้ปีละ ๓,๐๐๐ คน

“เวียดนามยังมีข้อจำกัดเรื่องสถานประกอบการสำหรับให้นักศึกษาฝึกภาคปฏิบัติ เพราะประเทศยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา การร่วมมือกับไทยก็น่าจะเกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และมีแนวคิดที่จะขยายความร่วมมือไปยังสาขาอื่น ๆ เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างกล และการท่องเที่ยว” นายกาฟกล่าว

นายเหงียน ถิ ลอน ฟุก นักศึกษาในโครงการฝึกอบรมหลักสูตรภาษาไทย บอกว่า เมื่อจะมีการรวมเป็นประชาคมอาเซียน คนเวียดนามหันมาเรียนภาษไทยมากขึ้น เนื่องจากมีคนไทยทำธุรกิจในโฮชิมินห์จำนวนมาก การเลือกเรียนภาษาไทยเพื่อจะได้ทำงานในบริษัทของคนไทยที่ลงทุนในเวียดนาม เช่น เจริญโภคภัณฑ์ เครือซีเมนต์ไทย บริษัท ปตท ฯลฯ และยังเป็นข้อได้เปรียบในการออกไปทำงานในต่างประเทศด้วย