สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท) แนะเร่งพัฒนาแรงงาน ๓ อุตสาหกรรมหลัก อาหาร ท่องเที่ยว และยานยนต์ และสนับสนุนเรียนอาชีวะ

นายถาวร ชลัษเฐียร รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ไทยต้องเร่งทำยุทธศาสตร์ พัฒนาแรงงานในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ซึ่งประกอบด้วย ๑๐ อุตสาหกรรม อาทิ อาหาร การท่องเที่ยว โลจิสติกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แฟชั่นฯลฯ เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาคนให้ชัดเจน

อุตสาหกรรม ๓ ประเภท ที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร และเกษตร การท่องเที่ยว และยานยนต์ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างมากและมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของจีดีพีทั้งประเทศ นายถาวรกล่าว

คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติยุทธศาสตร์การพัฒนาแรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนฯ เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ที่ผ่านมา เป็นอุตสาหกรรมแรก เพื่อเป้าหมายที่จะผลิตรถยนต์ปีละ ๔ ล้านคันภายในปี ๒๕๖๓ และผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์รายใหญ่ของโลก

เบื้องต้นจะต้องเร่งพัฒนากลุ่มช่างเทคนิค ปัจจุบัน มีสัดส่วนแรงงานวุฒิ ม. ๓ และต่ำกว่า ประมาณร้อยละ ๕๕ ระดับปวช.- ปวส ร้อยละ ๓๕ และปริญญาตรีร้อยละ ๑๐ ปรับให้เป็น วุฒิ ม.๓ และต่ำกว่า ไม่เกินร้อยละ ๓๕ วุฒิ ปวช-ปวส เพิ่มเป็นร้อยละ ๕๐ และปริญญาตรีร้อยละ ๑๕ รวมทั้งพัฒนาทักษะและความรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานที่เน้นทักษะหลากหลายและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอด โดยเอกชนควรเข้าไปมีบทบาทพัฒนาแรงงานให้ตรงกับความต้องการ

“ ภายใน ๕ ปีข้างหน้า ไทยต้องการแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนเพิ่มราว ๑.๓ แสนคน เป็นระดับ ปวช – ปวส อย่างน้อย ๕-๖ หมื่นคน และปริญญาตรีอีก ๑ หมื่นคน” รองเลขาธิการ สอท. กล่าว

ยุทธศาสตร์หลักทั้ง ๔ ประการประกอบด้วย ๑) การพัฒนาแรงงานให้มีสมรรถนะในระดับมาตรฐานสากล ๒) พัฒนามาตรฐานวิชาชีพ/มาตรฐานฝีมือแรงงานและมาตรฐานสมรรถนะ ๓) พัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านแรงงานของตลาดแรงงาน และความต้องการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และพัฒนาเครือข่ายการพัฒนาฝีมือแรงงาน และ ๔) การจัดตั้งสถาบันพัฒนาทรัพยากรบุคคลระดับกลางและสูงใน