ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

หัวใจน่ากราบ!! "นิก วูยิชิช" นักสร้างแรงบันดาลใจผู้ยิ่งใหญ่ของโลก

วันที่ลงข่าว: 08/09/13
 
แม้จะเกิดมาพิการโดยกำเนิด และถูกกลั่นแกล้งรังแกมาทั้งชีวิต แต่ “นิก วูยิชิช” นักสร้างแรงบันดาลใจผู้ไร้แขนไร้ขาชาวออสเตรเลีย ก็ยังยิ้มกว้างด้วยหัวใจทระนง ที่ไม่เคยพิการตามร่างกาย โดยความฝันสูงสุดของเขาคือ การจุดประกายความหวังให้คนทั้งโลก และปลุกเร้าพลังใจเข้มแข็งแก่ผู้สิ้นหวัง...อ่อนแอ...เจ็บปวด...ไร้หนทางชีวิตหลังจากรอคอยมาหลายปี ในที่สุด แฟนๆชาวไทยก็มีโอกาสได้สัมผัสมนต์ขลังของ “นิก วูยิชิช” นักพูดชื่อก้องโลกเป็นครั้งแรก ณ สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ เมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา งานนี้ นอกจากจะตั้งใจเดินทางมาร่วมเปิดตัวหนังสือ “ชีวิตไร้ขีดจำกัด” และ “หยุดไม่อยู่” ฉบับภาษาไทย เขายังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนไทยสัมภาษณ์เจาะลึกอย่างใกล้ชิด เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่เผยแพร่สู่สังคม
เคยเดินทางมาเมืองไทยหรือยังคะผมเดินทางมาเมืองไทยครั้งแรกครับ เป็นประเทศที่ 49 ที่ผมเดินทางเยือน รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เยือนเมืองไทย เพราะได้ยินชื่อเสียงเมืองไทยมานานว่าสวยงาม พ่อแม่ผมก็ชอบทานอาหารไทย

ในครอบครัวมีใครเกิดมาเป็นแบบนี้ไหม

ไม่มีใครทราบเหตุผลทางการแพทย์ว่าทำไมผมเกิดมาโดยไม่มีแขนไม่มีขา น้องสาวและน้องชายก็มีอวัยวะครบหมด ขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครรู้ว่าผมเดินได้และว่ายน้ำได้ด้วยซ้ำ ผมบอกทุกคนว่า เราจะไม่รู้เลยว่าเราทำอะไรได้บ้าง จนกว่าจะได้ลองทำ พ่อแม่สอนผมว่า จะต้องรู้จักขอบคุณสิ่งที่มี และทำให้ดีที่สุด แล้วพระเจ้าจะทำที่เหลือเอง

มองย้อนกลับไปข้างหลัง ช่วงเวลาไหนของชีวิตยากลำบากที่สุด

ผมเข้าเรียนโรงเรียนประถมแบบเด็กปกติ ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ แต่พออายุ 8 ขวบ เกิดวิกฤติในชีวิต เริ่มมีอาการเครียด และตั้งคำถามว่าทำไมเราเกิดมาเป็นแบบนี้ คนอื่นก็มีครบหมด พ่อแม่ผมคอยบอกว่าอย่ากังวลเลย เดี๋ยวทุกอย่างจะโอเคเอง ผมรู้สึกว่าตัวเองไร้ความหวัง ไม่มีอนาคต คิดว่า เดี๋ยวก็คงหางานทำไม่ได้ มีคนถามด้วยซ้ำว่าเป็นแบบนี้จะมีปัญญาแต่งงานเหรอ ตอนอายุ 10 ขวบ เลยพยายามฆ่าตัวตายในอ่างอาบน้ำที่บ้าน ตอนนั้นรู้สึกว่าการยอมแพ้คือทางออกจากความเจ็บปวดนี้ ถ้าผมตายไปจริงๆ คงต้องพลาดสิ่งดีๆในชีวิตมากมาย

อะไรทำให้คุณเลิกคิดสั้น และอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกครั้ง

ผมมองเห็นภาพพ่อแม่ต้องยืนร้องไห้หน้า หลุมฝังศพของผม แล้วผมก็ฉุกคิดว่าเราจะต้องไม่ทำร้ายคนที่รักเรามากที่สุด ผมจึงตัดสินใจว่าผมต้องมีชีวิตอยู่ ตอนอายุ 13 ปี ผมลองเตะฟุตบอลเป็นครั้งแรก และเจ็บขาไป 3 อาทิตย์ และนี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองพิการ!! แต่ผมไม่โกรธตัวเองเลยที่ไม่มีแขนไม่มีขา
ศรัทธาแรงกล้าที่มีต่อพระเจ้าเริ่มบ่มเพาะในใจตอนไหน
ตอนอายุ 15 ปี ผมอ่านคัมภีร์ไบเบิ้ลครั้งแรก ไปเจอบทหนึ่งที่บอกว่าพระเยซูสามารถรักษาคนตาบอดได้ ผมรู้สึกว้าวเลย!! ก็ไม่มีใครรู้ว่าทำไมผมเกิดมาเป็นแบบนี้ ผมบอกตัวเองว่า ถ้าพระเจ้ามีแผนสำหรับคนตาบอด ก็น่าจะมีแผนการสำหรับผม ถ้ามีคนให้แขนให้ขาผมก็เยี่ยม แต่ถ้าไม่ได้แขนขา ก็ขอให้เยียวยาหัวใจผม และให้ใช้ผมอย่างที่ผมเป็น ตอนนี้ผมมีความสุขมาก และมั่นใจว่าสวรรค์ก็รอผมอยู่

พลังศรัทธาทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน

ผมกลายเป็นคนใหม่ที่รู้จักมอบความรักให้คนอื่น อยากจะแบ่งปันคุณค่า ทัศนคติ และความสุขให้ทุกคน เพราะความศรัทธาในพระเจ้าทำให้ผมเป็นผมได้อย่างทุกวันนี้

ชีวิตพลิกผันเป็นนักพูดระดับโลก ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมายได้อย่างไร

เมื่อ 11 ปีก่อน ตอนอายุ 19 ปี ผมได้เป็นนักพูดครั้งแรก จุดประกายขึ้นจากภารโรงที่โรงเรียน เขาบอกผมว่าโตขึ้นคุณจะต้องเป็นนักพูด ผมว่าจะบ้าเหรอ ผมไม่มีอะไรจะพูด เขาก็บอกว่างั้นพูดเรื่องชีวิตของคุณไง ภารโรงคนนั้นตื๊อผม 3 เดือน กระทั่งผมใจอ่อนไปพูดต่อหน้าวัยรุ่น 10 คน ปรากฏว่าพูดไปได้หน่อย ก็มีคนร้องไห้ ผมถามว่าทำไมร้องไห้ พวกเขาบอกว่าก็มันซึ้ง
ผมแทบไม่เชื่อตัวเอง ต่อมาก็มีอีกกลุ่มๆเชิญให้ไปพูด จนวันหนึ่งผมต้องขึ้นพูดต่อหน้าเด็กวัยรุ่น 300 คน เป็นเวลา 7 นาที ผมตื่นเต้นมาก มือเย็นไปหมด เข่าสั่นไปหมด!! พูดไปได้ 3 นาที เด็กผู้หญิงครึ่งหนึ่งก็ร้องไห้ และมีคนหนึ่งวิ่งขึ้นมาบนเวทีกอดผม เอาแต่พูดขอบคุณๆๆ วินาทีนี้เองที่ผมรู้ว่าเกิดมาเพื่อเป็นนักพูด!! ตอนนั้นผมเรียนปริญญาตรี 2 ใบ ด้านไฟแนนซ์ และบัญชี ผมรีบบอกพ่อแม่ว่า รู้แล้วชีวิตนี้อยากเป็นอะไร...ผมจะเป็นนักพูด!! แม่ถามว่าจะพูดอะไร...ผมบอกไม่รู้ ที่จริงมีอุปสรรคเยอะ แต่ในหัวจดจำเด็กหญิงที่มากอดผมได้ และรู้ว่ายังมีคนอีกมากต้องการแรงบันดาลใจ จนถึงวันนี้ ผมตระเวนพูดสร้างแรงบันดาลใจมาแล้ว 49 ประเทศ เจอประธานาธิบดี 8 คน ต่อจากนี้มีอีก 12 ประเทศ ที่จะเดินทางไปเยือนในฐานะผู้ก่อตั้งองค์การ “Life Without Limbs”

 เป็นตัวตั้งตัวตีต่อต้านการรังแกกันในโรงเรียน เรื่องนี้เป็นภัยร้ายแรงขนาดไหน

ผมโดนแกล้งที่โรงเรียนตลอด ช่วงเวลานั้นโดดเดี่ยวเหลือเกิน ผมพยายามบอกเด็กวัยรุ่นถึงผลร้ายของการแกล้งเพื่อน ผมใช้โอกาสทุกครั้งรณรงค์เรื่องนี้ มันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ จะต้องให้เด็กๆเรียนรู้คุณค่าของตัวเอง และเลิกแกล้งคนอื่น ทุกคนมีความสวยงามในตัวเอง เมื่อหลายปีก่อน ผมเจอเด็กคนหนึ่งไม่มีแขนไม่มีขาเหมือนผมเลย ผมมองไปที่เด็กและเขาก็มองผม เราต่างยิ้มให้กัน ผมรู้ว่าเขาจะต้องโดนแกล้งเมื่อเข้าโรงเรียน จึงอาสาไปพูดรณรงค์เรื่องนี้ ให้ที่โรงเรียน ซึ่งก็ได้ผลเกินคาด

คุณยิ้มตลอดเวลา เคยมีวันร้ายๆบ้างไหม

ชีวิตผมก็มีทั้งขึ้นและลง เมื่อ 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา มีสิ่งที่เกิดในชีวิต ทำให้ล้าและเหนื่อยมาก ตอนนั้น ผมเพิ่งคบกับภรรยาไม่นาน ผมร้องไห้เยอะมาก มีการวางแผนบางอย่าง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ผมบอกแฟนว่าผมถังแตก เธอตอบทันทีว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันหางานทำเลี้ยงคุณเอง ผมประทับใจในตัวเธอมาก และรู้เลยว่าเธอรักผมแค่ไหน

เจอภรรยาได้อย่างไร อะไรทำให้ตกหลุมรักเธอ

เราเจอกันเดือน เม.ย.ปี 2010 หลังจากนั้น 6 เดือน ก็เป็นแฟนกัน คบกันได้ปีหนึ่ง ผมขอเธอแต่งงาน โดยซ่อนแหวนไว้ในขนมเค้ก แล้วขอให้เธอป้อนผมหน่อย ผมทานเค้กจนหมดเหลือแหวนในปาก แล้วค่อยๆจูบมือเธอ และสวมแหวนให้เธอที่นิ้วนางข้างซ้าย เธอเป็นผู้หญิงที่ผมอยากอยู่ด้วยตลอดชีวิต เธอสวยทั้งข้างนอกและข้างใน!! ตอนนี้ผมอายุ 30 ปี ได้แต่งงานแล้ว และมีลูกชายวัยแบเบาะคนหนึ่ง ผมกับภรรยากำลังเขียนหนังสือเรื่องความสัมพันธ์ เพื่อให้กำลังใจคนโสด คนแต่งงาน และคนหย่าร้าง
เวลาเหนื่อยหรือท้อแท้ มีวิธีสร้างพลังใจอย่างไร
ผมจะอ่านคัมภีร์ไบเบิ้ลซ้ำๆ มีหลายบทที่อ่านแล้วได้พลังกลับมา วิธีให้กำลังใจตัวเองดีที่สุดคือการออกไปช่วยเหลือผู้อื่น แล้วคุณจะได้ความสุขแบบที่เงินซื้อไม่ได้ กำลังใจจากครอบครัวก็สำคัญ พ่อแม่ผมทำให้เห็นว่าบ้านคือที่พักใจที่ดีที่สุด น้องชายผมก็ช่วยเหลือผมทุกอย่าง ไม่ว่าผมเจออะไรร้ายๆก็จะนึกถึงคนคนหนึ่ง เขาเป็นคนป่วยใกล้ตายเป็นโรคกล้ามเนื้อลีบไม่สามารถทำอะไรได้ ผมเจอเขาตอน 2 ปีก่อนเสียชีวิต เขายิ้มตลอดเวลา แม้จะขยับตัวไม่ได้เลย พูดก็ไม่ได้ เขาก็ยังแบ่งปันเรื่องราวและให้ความหวังแก่คนป่วยใกล้ตายผ่านทางเว็บไซต์ เขาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ผมลุกขึ้นพูดเพื่อจุดประกายความหวังให้คนอื่น เป็นคนต้นแบบที่ไม่มีวันลืม

อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนหนังสือ “ชีวิตไร้ขีดจำกัด” และ “หยุดไม่อยู่”

 ผมเชื่อว่าการพูดไม่สามารถเข้าถึงคนทุกคน แต่การเขียนหนังสือเป็นการสื่อสารแบบตัวต่อตัว หนังสือเล่มแรกเล่าว่าทำไมผมจึงมีศรัทธาแรงกล้าต่อพระเจ้า หลังต้องเจอความเจ็บปวดและอับอายจากความพิการของตัวเอง ศรัทธาในพระเจ้าทำให้ผมก้าวข้ามอุปสรรคด้านร่างกายและมีแรงใจ ส่วนหนังสือ “หยุดไม่อยู่” ถ่ายทอดชีวิตช่วงที่เผชิญความท้าทาย ทั้งปัญหาส่วนตัว, ปัญหาความสัมพันธ์, อุปสรรคอาชีพการงาน, ความพิการ, ความคิดทำลายตัวเอง, ปัญหาทางอารมณ์ และการถูกกลั่นแกล้ง กระทั่งรับมือได้ และพร้อมมีชีวิตอยู่อย่างที่ไม่มีอะไรมาหยุดยั้ง

ทำอะไรที่อะเมซซิ่งมาเยอะ ยังมีอะไรอยากลองอีกไหม

ผมชอบว่ายน้ำ เล่นเซิร์ฟ เคยกระโดดดิ่งพสุธามาแล้ว และรอดมาได้ (หัวเราะ) สิ่งที่อยากทำต่อไปคือ การเป็นพ่อที่ดีของลูกชาย และสามีที่ดีของภรรยา อยากทำให้ดียิ่งกว่าการเป็นนักพูดที่ดีที่สุด ผมยังฝันว่าอยากให้คนหลายล้านคนทั่วโลกบริจาคเงินคนละ 1 ดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อนำมาช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทั้งโลก

ช่วยแบ่งปันแรงบันดาลใจ และจุดประกายความหวังให้คนท้อแท้หน่อยสิคะ

คนเราไม่ต้องมีความกล้าที่จะเอาชนะ แต่ต้องกล้าลองเสี่ยงแม้จะล้มเหลว เพราะก่อนจะประสบความสำเร็จ คนเราต้องล้มเหลวมาก่อน อยากให้เปลี่ยนอุปสรรคเป็นโอกาส พยายามฝันให้ไกล และอย่ายอมแพ้ ผมหวังว่าทุกคนจะได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวชีวิตของผม ได้เห็นความรักของผม และความหวังยิ่งใหญ่ ทุกคนถูกสร้างมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง พระเจ้ารักคุณนะครับ ถ้าคุณเปิดรับพระเจ้าเข้ามาในชีวิต คุณก็จะสามารถทำในสิ่งที่เหลือเชื่อ พระเจ้าทำให้ผมมีความมั่นใจที่จะดำรงชีวิตอยู่ ผมไม่ใช่คนยิ่งใหญ่จากไหน พระเจ้าเป็นแบบอย่างของผมในการรับใช้ผู้อื่น และรู้จักให้อย่างไม่หวังผลตอบแทน สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิตผม เกิดจากการสวดมนต์ และพลังศรัทธาที่มีต่อพระองค์ ทำให้ผมรักคนอื่นด้วยความจริงใจ สำหรับคนที่ประสบปัญหาชีวิต ก็อยากให้เปิดใจรับพระเจ้า เงินไม่สามารถทำให้หัวใจงดงามขึ้นได้ งานหรือชื่อเสียงก็ไม่มีคุณค่าใดๆ ที่งานศพของผมจะไม่มีใครพูดว่าผมทำอะไรไปบ้าง แต่จะพูดว่าผมเป็นใคร คุณเป็นใครสำคัญกว่าคุณได้ทำอะไรมา ผมบอกตัวเองทุกวันว่าต้องเป็นคนอย่างที่เป็นอยู่ ผมไม่ใช่คนเพอร์เฟกต์ แต่ทุกวันผมต้องให้อภัยมากขึ้น รู้จักให้คนอื่นมากขึ้น และไม่เห็นแก่ตัว ไม่หลงชื่อเสียงเงินทอง
แรงบันดาลใจจากผู้ชายไม่ธรรมดาชื่อ  “นิก วูยิชิช” คือแสงสว่างส่องนำทางผู้สิ้นหวังทั้งโลก!!
 
 ทีมข่าวหน้าสตรี
 
ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 7กันยายน 2556

ภาพประกอบข่าวประจำวัน

^ กลับสู่เนื้อหาหลัก