ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

รวม.พม.ระบุ ทุกภาคส่วนควรเร่งส่งเสริมการสร้างความสมดุลของชีวิต เพื่อสร้างความสุขให้สังคม และให้การทำงานของทุกภาคส่วนแล้วเสร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

วันที่ลงข่าว: 02/09/13

รวม.พม.ระบุ ทุกภาคส่วนควรเร่งส่งเสริมการสร้างความสมดุลของชีวิต เพื่อสร้างความสุขให้สังคม และให้การทำงานของทุกภาคส่วนแล้วเสร็จอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ สส.สหรัฐเชื้อสายไทยเชื่อว่า สตรีทุกคน มีความสามารถในการทำงานหลายด้าน และมีส่วนช่วยส่งเสริมพัฒนาสังคมประเทศชาติ

นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดงาน สัมมนาวิชาการด้านสตรีและครอบครัว ในหัวข้อ ความสมดุลของชีวิตและการทำงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ เป็นเวทีนำเสนอและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และความคิดเห็น ด้านสตรีและครอบครัว และส่งเสริมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับองค์ความรู้ ตลอดจนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาสังคม และองค์กรทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก โดยนางปวีณา กล่าวว่า หากทุกคนในสังคม ไม่ทำงานเพื่อสร้างความสมดุลในชีวิต ก็อาจส่งผลถึงรายได้ที่ไม่เพียงพอต่อการครองชีพ หรือหากทำงานมากเกินไป อาจเกิดผลกระทบด้านสุขภาพได้ และสำหรับสถานการณ์ในสังคมไทยปัจจุบัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ จะต้องออกไปทำงาน ส่วนภาระในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการดูแลบุตร ดูแลผู้ป่วย คนพิการ และผู้สูงอายุ ยังคงเป็นหน้าที่หลักของผู้หญิง ตามความคาดหวังของสังคม ดังนั้น องค์กรและหน่วยงานต่างๆ ควรตระหนักในสิ่งที่เกิดขึ้น และควรร่วมกันสร้างความสมดุลในชีวิตของประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิง ต้องมีการแบ่งเวลาการทำงาน ทำจิตรใจให้มีความสุขในขณะทำงาน มีสภาพแวดล้อมที่ดี ประสิทธิภาพของงานก็จะดีตามมาด้วย

ขณะที่นางแทมมี ดักเวิร์ธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 8 รัฐอิลลินนอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกาเชื่อสายไทย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันทั้งไทยและสหรัฐ ต่างมีความคล้ายกันตรงที่มีจำนวนผู้หญิงน้อย ซึ่งขณะนี้ผู้หญิงทั่วโลก ยังคงต่อสู่เพื่อให้ตนเองได้รับโอกาส ได้รับค่าจ้างและการถูกปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน โดยส่วนตัวเชื่อว่าผู้หญิงทุกคน มีความสามารถในการทำงานหลายด้าน และมีส่วนช่วยส่งเสริมพัฒนาสังคม และประเทศ โดยส่วนตัวมีความภาคภูมิใจ ที่มีมารดาเป็นคนไทย และภูมิใจที่ได้เกิดในประเทศไทย และยังได้กลับมาเมืองไทยในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้โอกาสทำงานเพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองประเทศ

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก