ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ยุทธวิธี ‘รักษาแบบองค์รวม’ การแพทย์แนวใหม่ช่วยเด็ก ‘พิการเคลื่อนไหว’

วันที่ลงข่าว: 26/08/13

ปัญหาพิการทางการเคลื่อนไหว ส่วนใหญ่พบมากตั้งแต่วัยเด็ก ที่ผ่านมาการรักษาในไทยเป็นไปในรูปแบบต่างคนต่างรักษา แตกต่างจากหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว ใช้แพทย์หลายทางในการช่วยกันระดมฝีมือ ระดมความคิด ทำให้คนไข้ได้รับการรักษาอย่างตรงจุดที่สุด ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) ร่วมกับมูลนิธิซายมูฟเม้นท์ จัดสัมมนาในเรื่องนี้ขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เกิดการรักษาแบบ “การแพทย์สหสาขาวิชา”
 
นพ.วีระศักดิ์ ธรรมคุณานนท์ หัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรมกระดูกและข้อ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) เล่าถึงสถานการณ์คนไข้ว่า โรคพิการทางการเคลื่อนไหวสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ 1. กลุ่มเด็กที่ไม่มีแขนขาสมบูรณ์ตั้งแต่กำเนิดกลุ่มนี้มีน้อยมากประมาณสองในพันคน แต่ กลุ่มที่ 2 มีมากคือ กลุ่มเกิดมามีแขนขาแต่ควบคุมการใช้งานไม่ได้ ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากแม่ที่ตั้งท้อง คลอดก่อนกำหนด, รกเกาะต่ำ, ตกเลือดหรือล้มระหว่างตั้งครรภ์
 
อาการของเด็กกลุ่มนี้มีหลายรูปแบบ เช่น เกร็งแขนขา หรือครึ่งซีก, การเคลื่อนไหวผิดปกติ ควบคุมการเคลื่อนไหวและบังคับไปในทิศทางที่ต้องการไม่ได้, สูญเสียการทรงตัวการประสานงานของอวัยวะไม่ดี, การเคลื่อนไหวแข็งช้า ร่างกายมีการสั่นกระตุกอย่างบังคับไม่ได้ , อัมพาตแบบผสม
 
กลุ่มเด็กเกิดมามีแขนขาแต่ควบคุมการใช้งานไม่ได้มีปริมาณมากขึ้นในปัจจุบัน นอกจากปัญหาของแม่ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์แล้ว เมื่อลูกเกิดมาก่อนอายุครบ 2 ปี เป็นช่วงที่สมองยังพัฒนาไม่เต็มที่ เด็กอาจเกิดปัญหาการติดเชื้อ เช่น ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ถ้าหากปล่อยโดยไม่รักษาการติดเชื้อจะทำลายเนื้อสมองจนเกิดแผลได้ โดยเฉพาะสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหวที่ละเอียดอ่อนและมักได้รับผลกระทบก่อนส่วนอื่น
 
ครอบครัวสามารถสังเกตพฤติกรรมเด็กได้หลังจากคลอด หากรู้ว่าเด็กมีปัญหาอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรไปหาหมอตามที่กำหนดเพื่อตรวจสอบและแก้ไข ส่วนเด็กอีกกลุ่มเป็นโดยไม่รู้สาเหตุ สามารถดูได้จากพัฒนาการของเด็กว่าเป็นไปตามที่กำหนดหรือไม่ หากมีพัฒนาการไม่เป็นไปตามที่กำหนด ครอบครัวอย่าชะล่าใจ
 
การรักษาต้องเข้าใจก่อนว่าโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาด เพราะเกิดจากสมองภายในที่เป็นแผล และเซลล์สมองส่วนที่ตาย สามารถรักษาได้โดยฟื้นฟูคนไข้โดยมีอุปกรณ์ช่วย และกลุ่มที่ฟื้นฟูแล้วไม่ดีขึ้น ต้องมีคนคอยดูแลเพราะดูแลตัวเองไม่ได้ ที่ผ่านมามีการรักษาแบบผิด ๆ ออกมา โดยเรียกเก็บเงินจากญาติคนไข้มาก แต่การรักษาไม่ได้ผล หลายคนกว่าจะรู้ตัวก็เสียเงินไปมาก
 
การรักษาเพื่อให้ได้ผลและเหมาะสมกับคนไข้ ควรเป็นไปตามแนวทาง “การแพทย์สหสาขาวิชา” ประเทศไทยยังขาดความร่วมมือในแนวทางการรักษานี้ ซึ่งประกอบด้วยการรักษาแบบ 3 มิติ
 
มิติที่ 1 การผ่าตัดโครงสร้าง เนื่องจากกระดูกหงิกงอ ข้อหลุด ต้องทำการผ่าตัดเพื่อให้กลับมาเป็นปกติ สามารถผ่าตัดได้ตั้งแต่อายุ 4–5 ขวบ ถ้าปล่อยให้กระดูกมีปัญหาต่อไปเรื่อย ๆ จะยากต่อการรักษา
 
มิติที่ 2 กายภาพบำบัด ต้องมีการทำอย่างต่อเนื่องตลอด เพื่อให้คนไข้สามารถควบคุมการเคลื่อนไหว และช่วยตัวเองได้โดยไม่เป็นภาระของผู้อื่น แต่ต้องใช้เวลาในการทำหลายปี
 
มิติที่ 3 ใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือการควบคุม เพราะคนไข้บางรายผ่าตัดและกายภาพแล้วไม่ดีขึ้น จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือเพื่อให้เกิดความสมดุลทดแทน เพื่ออุดรอยรั่วซึ่งเกิดขึ้นจากการผิดปกติ
 
การรักษาทั้ง 3 มิตินี้ต้องเป็นไปควบคู่กัน ที่ผ่านมาในประเทศไทยมักมุ่งไปยังมิติใดมิติหนึ่งอย่างเดียว ด้วยแพทย์ที่รักษามีความรู้แนวทางนั้น หรือขึ้นอยู่กับปัญหาด้านการเงิน แต่ยังมีคนที่กายภาพอย่างสุดโต่ง ถ้าหากแพทย์มีการร่วมมือกันในหลาย ๆ ศาสตร์ก็จะทำให้การรักษาคนไข้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
สำหรับผู้ปกครองที่ลูกหลานเป็นโรคเหล่านี้ ปัจจัยในการรักษาคือต้องรู้เร็วเพื่อให้แก้ไขได้อย่างรวดเร็ว หรือคุณแม่ที่ตั้งท้องควรมีการฝากครรภ์และปฏิบัติอย่างที่แพทย์สั่งเพื่อความปลอดภัยของลูก ในคนที่มีปัจจัยเสี่ยงควรสังเกตความผิดปกติของเด็กเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
 
อนาคตโรคนี้ในทางการแพทย์อยากให้มีการร่วมมือกันรักษามากขึ้น เพื่อคุณภาพของคนไข้ ขณะเดียวกันสังคมโดยเฉพาะโรงเรียนควรให้โอกาสเด็กเหล่านี้ เพราะเคยมีบางโรงเรียนเด็กมีปัญหาเดินไม่คล่องแล้วไม่รับเข้าศึกษา ทั้งที่จริงเด็กเหล่านี้มีศักยภาพทางสมองที่ดี จึงควรให้โอกาสเพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นภาระของสังคม.
 
หลักการ ‘จัดห้องนอน’ ช่วยให้ผ่อนคลายหลับสบาย - เคล็ดลับสุขภาพดี
 
การนอนถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน หากใครที่นอนหลับไม่สนิท หรือหลับ ๆ ตื่น ๆ มักมีผลต่อการดำเนินชีวิตในช่วงเวลากลางวันที่อาจทำให้เราทำงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ไม่เต็มที่ ทั้งนี้ การนอนให้หลับสบายนั้นมีปัจจัยช่วยส่งเสริมหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น บรรยากาศ สีสันของห้องนอนและเครื่องนอน แสงสว่างที่เหมาะสม โดยวันนี้เคล็ดลับสุขภาพดีมีความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ “การจัดห้องนอน” ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับสบายมาฝากกันด้วยค่ะ
 
คุณเอ๋ นนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง บอสสาวคนเก่งแห่งชุดเครื่องนอนออสซิโน แบรนด์ดังจากออสเตรเลีย แนะนำไอเดียการจัดห้องนอนให้มีบรรยากาศผ่อนคลายและเหมาะสมกับการนอนหลับพักผ่อนว่า ควรคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ อันดับแรก สีของห้องนอนและชุดเครื่องนอน การใช้โทนสีอ่อนหรือโทนสีเย็นจะช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้น เช่น สีฟ้า เขียว หรือม่วง เพราะสีฟ้าเป็นสีที่ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง สบาย สะอาด ปลอดภัย สีเขียวให้ความรู้สึกสดชื่น สงบ ร่มเย็น และสีม่วง เป็นสีแห่งความเยือกเย็น แฝงไว้ซึ่งความน่าค้นหา แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบสีโทนเย็นที่กล่าวมาหรือมีการทาสีห้องนอนในโทนอื่น ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะนอนไม่หลับ เพราะมีปัจจัยอื่น ๆ มาประกอบกันและหากมีการมิกซ์แอนด์แมตช์สีห้องนอนและชุดเครื่องนอนได้ตามสไตล์ที่ตนเองชอบก็จะทำให้เกิดความสุข สบายใจและอารมณ์ดีตลอดเวลาที่อยู่ในห้องนอน ซึ่งส่งผลให้นอนหลับอย่างมีความสุขได้เช่นกัน
 
สำหรับผู้ที่ทาสีห้องในโทนร้อน เช่น สีแดง สีเหลือง สีส้ม ถ้าต้องการลดระดับความร้อนแรงลง แนะนำให้เลือกชุดเครื่องนอนในโทนสีเย็น เช่น เขียวอ่อน ฟ้า ม่วงอ่อน ขาว ครีม เบจ เพื่อช่วยให้ห้องนอนดูสบายและผ่อนคลายขึ้น ควรหลีกเลี่ยงชุดเครื่องนอนโทนสีร้อน เช่น สีแดงทั้งห้อง เพราะตามหลักจิตวิทยาสีระบุว่าจะให้ความรู้สึกที่ร้อนมากจนเกินไปและส่งผลให้ตื่นตัวตลอดเวลา หากใครที่ทาสีห้องเป็นโทนเย็นอยู่แล้วการเลือกผ้าปูที่นอนเป็นโทนสีเย็นก็จะยิ่งทำให้ห้องนอนดูสงบ ผ่อนคลายมากขึ้น
   
ส่วนใครต้องการเพิ่มพลังความสดใสและกระปรี้กระเปร่า ควรเลือกชุดเครื่องนอนสีโทนร้อนมาเสริมบ้าง เช่น สีแดง เป็นสีแห่งพลังและความอุดมสมบูรณ์ สีเหลือง ให้ความรู้สึกแจ่มใส ร่าเริง เบิกบาน สดชื่น และ สีส้ม ให้ความรู้สึกอบอุ่น สดใส และมีชีวิตชีวา นอกจากนี้การใช้ชุดเครื่องนอนที่มีลวดลายสวยงาม มีความเป็นแฟชั่น และการเปลี่ยนชุดเครื่องนอนบ่อย ๆ ก็จะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศในห้องนอนให้มีความสดชื่น มีความรู้สึกใหม่ ๆ ตลอดเวลา ถือเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน
 
อันดับที่สอง แสงสว่างในห้องนอน ต้องเป็นแสงที่ไม่สว่างจ้าเกินไป ซึ่งแสงที่เหมาะสมกับห้องนอน คือแสงกึ่งเหลืองกึ่งขาว (Cool white) ไปจนถึงแสงสีเหลืองส้ม (Warm white) ไม่ควรใช้แสงสีขาว (Day Light) และหากเป็นไปได้ควรปิดไฟในเวลานอน แต่ถ้าไม่สะดวกอาจเปิดไฟเฉพาะส่วนที่จำเป็น เช่น หัวเตียง หน้าประตูห้อง หรือปรับระดับให้ความสว่างแบบสลัว ๆ  และอันดับสาม กลิ่นอันพึงประสงค์ ห้องนอนที่ดีไม่ควรมีกลิ่นอับชื้น หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ หากนอนอยู่ที่จุดแสงส่องถึง การเปิดม่านเพื่อรับแสงแดดอ่อนในตอนเช้าจะช่วยให้กลิ่นอับชื้นหายไป ถ้าอยู่ในจุดที่แสงส่องไม่ถึงให้ใช้กลิ่นหอมอโรม่าช่วยดับกลิ่น จะช่วยให้ผ่อนคลายและหลับสบายยิ่งขึ้น
 
การเลือกผ้าปูที่นอนให้เด็ก ๆ ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นวัยแห่งความสดใสและการเรียนรู้ สีผ้าปูที่นอนควรเลือกสีที่มีความสดใส และหลีกเลี่ยงสีที่ดูมืด เช่น สีดำ เทา น้ำตาล หรือเลือกลายการ์ตูนก็จะสามารถทำให้เด็กรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น สำหรับการเลือกซื้อผ้าปูที่นอนก็ไม่แตกต่างจากการเลือกซื้อเสื้อผ้า คือเลือกตามความชอบและบุคลิกลักษณะของแต่ละคน อาจจะเลือกลายผ้าหรือสีสันที่ชอบหรือเหมาะกับสไตล์การแต่งห้องนอนหรือดูจากเนื้อผ้าที่มีคุณภาพความหนาแน่นของเส้นด้ายในการถักทอก็จะสามารถช่วยให้การนอนมีความสุขมากยิ่งขึ้น.
 
สรรหามาบอก
 
-โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ ขอเชิญคุณผู้หญิงทุกท่านและผู้สนใจเข้าร่วมงาน ’Happy Healthy Women“ ใน วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2556 เวลา 09.30-12.00 น. ณ ชั้น 22 โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ ในงานพบกับกิจกรรมมากมาย อาทิ เสวนาเรื่อง “มะเร็งปากมดลูก” และ “อนุมูลอิสระ” พิเศษ 50 ท่านแรกที่ลงทะเบียนรับ กิฟต์เซต ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ฟรี!  สอบถามเพิ่มเติม โทร.0-2836- 9999
 
-โรงพยาบาลศิครินทร์ ขอเชิญคุณแม่ตั้งครรภ์และผู้สนใจทุกท่านเข้าร่วมอบรม ’การดูแลทารกแรกเกิด“ ในวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2556 เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารศิครินทร์ 1 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สนใจสอบถามโทร.1728 ต่อแผนกลูกค้าสัมพันธ์ www.sikarin.com
 
-คณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทย์ The University of Texas MD Anderson Cancer Center และคณะแพทย์โรงพยาบาลวัฒโนสถ (โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ) ขอเชิญผู้ป่วยมะเร็งโลหิต ญาติผู้ป่วย และผู้สนใจร่วมฟังสัมมนาเรื่อง ’มะเร็งระบบโลหิต“ ใน วันอาทิตย์ที่  1 กันยายน 2556 เวลา 13.00–15.00 น. ณ ห้องประชุม นพ.พงษ์ศักดิ์ วิทยากร ชั้น 7 โรงพยาบาลกรุงเทพ ภายในงานร่วมพูดคุยและไขข้อข้องใจเกี่ยวกับโรคมะเร็งระบบโลหิต วิธีสังเกตอาการ การรักษา วิธีดูแลผู้ป่วย และวิธีดูแลตัวเองให้ปลอดภัยห่างไกลจากโรคมะเร็งโลหิต สนใจสอบถามและสำรองที่นั่งได้ที่โทร.1719
 
-โรงพยาบาลธนบุรี ขอเชิญผู้สนใจร่วมฟังบรรยายพิเศษหัวข้อ ’รู้เท่าทัน ห่างไกล โรคในผู้หญิง“  ใน วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2556 เวลา 09.00-11.00 น. ณ ห้องประชุมอินทนิล โรงพยาบาลธนบุรี  ภายในงานมีบริการตรวจวัดความดันโลหิตและวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันใต้ผิวหนัง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมลุ้นรับ กิฟต์ วอยเชอร์ ตรวจมะเร็งปากมดลูกโดยวิธี ThinPrep หรือ SurePath สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร.0-2412-0020 ต่อ 2005-7.
 
ทีมวาไรตี

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ 25 สิงหาคม 2556
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก