ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

'ออทิสติก'รู้เร็วรักษาได้ แนะนำวิธีสร้างพัฒนาการ

วันที่ลงข่าว: 16/07/13

เด็กพิเศษ คือ เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าไม่เป็นไปตามวัย หรือมีพัฒนาการบกพร่อง โดยทั่วไปมักเรียกว่า เด็กออทิสติก ซึ่งเป็นโรคจิตเวชทางเด็กอย่างหนึ่ง สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัยทั้งความผิดปกติระบบสื่อประสาท เกิดระหว่างตั้งครรภ์ แม่มีอาการเครียด พันธุกรรม ซึ่งปัจจุบันสาเหตุยังไม่แน่ชัด

 

จากการลงพื้นที่ศึกษาดูงานการดำเนินงานเพื่อดูแลเด็กพิเศษครบวงจร ร.พ.ระนอง นำโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งถือว่าเรื่องดังกล่าวเป็นวาระสำคัญในการผลักดันงาน โดย นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. อธิบายว่า ปัจจุบันแม้ว่าการรักษาออทิสติกจะอยู่ใน ชุดสิทธิประโยชน์ แต่การทำงานไม่สามารถทำเพียงการรักษาได้อย่างเดียว ร.พ.ระนอง ถือเป็นต้นแบบการทำงานที่เชื่อมโยงทั้ง ร.พ. ร.ร. บ้าน และชุมชน

 

 

เมื่อเด็กกลายเป็นเด็กพิเศษ ครอบครัวมักเก็บลูกไว้ในบ้านจนไม่ได้รับการพัฒนาการหรือรับการรักษาอย่างเหมาะสม ทำให้อาการเลวร้ายลง นางปิยนุช อิสริยะวาณิช พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ผู้ดูแลศูนย์อย่างใกล้ชิด บอกว่า คลินิกพัฒนาการเด็ก ร.พ.ระนอง เริ่มจากการมีใจที่จะทำงานเรื่องนี้ จึงได้รับความช่วยเหลือจากทุกฝ่าย เข้ามาร่วมกันทำงานเป็นเครือข่าย 

 

เด็กออทิสติกจะมีอาการของโรคเป็น 3 ระดับ คือ ระดับน้อย ช่วยเหลือตัวเองได้ รักษาให้ดีขึ้นเกือบปกติได้ อาจไม่ต้องอาศัยยา ช่วย กลุ่มอาการปานกลาง พอจะดูแลตัวเองได้ พัฒนาได้ส่วนมากต้องใช้ยาช่วย และกลุ่มอาการรุนแรง กลุ่มนี้จะไม่สามารถดูแลตัวเองได้เลย ส่วนมากเมื่อเข้าวัยผู้ใหญ่จะกลายเป็นผู้ป่วยจิตเวช ทั้งนี้ในทุกระยะหากตรวจพบเร็วตั้งแต่ก่อนอายุ 3 ขวบ จะทำให้การพัฒนามีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

การสังเกตอาการของโรค เช่น เด็กไม่หันตามเสียงเรียก ไม่สบตา ไม่ตอบสนอง นิ่งเกินไป อาละวาดมากเกินไป ไม่พูดเมื่อเข้าสู่อายุขวบครึ่ง เป็นต้น ให้พาเด็กมารักษา โดยจะมีการอบรมพ่อแม่ เพื่อให้ฝึกพัฒนาการลูกได้ และส่งไม้ต่อให้ร.ร. ซึ่งปัจจุบัน ร.ร.บ้านบางกลาง จ.ระนอง จัดห้องเรียนรวมกับเด็กปกติ มีครูดูแลเด็กพิเศษโดยตรง

 

ตัวเลขเด็กที่มีปัญหาด้านพัฒนาการเพิ่มมากขึ้นทุกวันทั้งออทิสติก สมาธิสั้น บกพร่องทางการเรียนรู้ หากปล่อยปัญหานี้ไว้ ย่อมทำลายทรัพยากรประเทศ น่ายินดีที่ สปสช.เห็นชอบให้เป็นวาระพิเศษ โดยจะมีการบูรณาการการทำงานเพื่อพัฒนาบริการ โดยใช้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีมาเสริม เพื่อจัดเครือข่ายบริการที่ทำให้ประชาชนได้เข้าถึงสิทธิประโยชน์และรับการพัฒนาการอย่างเหมาะสม

 

อย่างน้อยก็เป็นความหวังเล็กๆ ที่จะเกิดระบบการดูแลขึ้น

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 16 กรกฎาคม 2556
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก